ข่าว

ยายหมดหนทาง พาหลาน 4 ชีวิตขอข้าววัดกิน เปิดใจเล่าลูกเอาหลานมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง

ยายหมดหนทาง พาหลาน 4 ชีวิตขอข้าววัดกิน เปิดใจเล่าลูกเอาหลานมาทิ้งไว้ให้เลี้ยง

25 มิ.ย. 2568

ยายหมดหนทาง พาหลาน 4 ชีวิตขอข้าววัดกิน เปิดใจเล่าลูกเอาหลานมาทิ้งไว้ให้เลี้ยงแล้วไม่มาดูแลอีกเลย ต้องกู้หนี้ยืมสินจนถูกขู่สังหารยกครัว

จากกรณี เฟซบุ๊กเพจ "เราทำความดีด้วยหัวใจ ตอบแทนแผ่นดิน" ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “เคสนี้เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจยิ่งนัก มีโยมมาขอความช่วยเหลือ โยมยายเลี้ยงหลาน 4 คน เด็กผู้ชายทั้งหมด คนโตอายุ 12 รองลงมาเป็นเด็กแฝดอายุ 9 ขวบ 2 คน กับ 4 ขวบอีก 1 คน จึงเดินทางมาดูที่บ้าน เห็นอาศัยในบ้านที่ทรุดโทรมมากแล้ว 

 

 

แต่ตอนนี้ไปหลบอยู่บ้านที่รู้จักกัน แต่ก่อนขายปลาดุกย่างเลี้ยงหลาน 4 คน และไปกู้เงินเขามาลงทุนครั้งละ 3,000-4,000 บาท ขายดีบ้างไม่ดีบ้าง ก็ไปกู้มาเพิ่มอีกเพราะต้องเลี้ยงหลานอีก 4 คน จนหนี้สินหมื่นกว่าบาทไปแล้ว เลยโดนเจ้าหนี้ทวงเงิน จึงหลบไปอาศัยอยู่ที่บ้านคนรู้จักกัน เพราะตอนนี้ยังไม่มีเงินเลย หลานก็ต้องไปเรียน เงินก็ไม่มี จึงได้ช่วยเหลือไป

 

 

เบื้องต้นมอบข้าวสารอาหารแห้ง โยมท่านใดอยากจะช่วยเหลือครอบครัวนี้ ติดต่อที่อาตมาได้เลยโทร  ช่วยกันคนละนิด คนละหน่อย สงสารเด็กๆ กำลังเรียน..เจริญพร ” พร้อมกับรูปภาพที่มียาย และหลานอีก 4 คน อายุไล่เลี่ยกัน มาขอข้าวสารอาหารแห้งและน้ำดื่มที่วัดกับทางพระครูถาวรศรัทธาคุณ เจ้าอาวาสวัดวรพรต สังฆาวาส 

ต่อมาเมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 24 มิ.ย. 2568 ทางพระครูถาวรศรัทธาธาคุณ เจ้าอาวาสวัดวรพจน์สังฆาวาส พร้อมด้วยจิตอาสาวิหคโหยหา ทีมงานน้องตั้งใจทำความดี นำเข้าสารอาหารแห้งและพายายกลับไปดูที่บ้าน พบเป็นเพิงพักชั้นเดียว อาศัยอยู่ริมคลองข้ามสะพานไม้เก่าผุพัง ตั้งอยู่ที่ ตลาดเก่า ต.เกาะลอย อ.พานทอง จ.ชลบุรี ภายในบ้านมีเพียงแค่ไม้เก่าๆ ปูด้วยฟูกทำเป็นที่นอน
สำหรับยายหลาน 5 ชีวิตหลับนอน  หลังคามุงด้วยสังกะสีเก่าผุพัง ซึ่งความเป็นอยู่สุดน่าเวทนาและรันทด


จากการสอบถาม นางวงเดือน(สงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี ได้เปิดเผยว่าบรรดาลูกๆ ได้คลอดลูกเสร็จก็เอามาทิ้งไว้ให้ตัวเลี้ยง ห่างหายไปประมาณ 5 ปี ไม่เคยกลับมาดูแลและไม่เคยส่งเสีย ตนก็ไม่ได้ทำอะไรจึงได้รับปลาดุกมาย่างขายพอประทังชีวิต และหาเงินส่งหลานเรียน ก่อนหน้านี้ตนก็ได้กู้เงินมาลงทุน เจ้าละ 3,000 บาท พอขายได้กำไรก็เก็บเป็นทุนให้หลานไปเรียน และซื้อกับข้าวกิน แต่พอขายไม่ได้ก็จมทุนไหนเจ้าหนี้จะมาเก็บวันละ 150 บาท ตนก็หาไม่ทันจึงได้ กู้เงินอีกเจ้า เพื่อเอามาหมุนจ่ายและลงทุนต่อ แต่ก็ไปไม่ได้จนทำให้ตนกู้มาตลอด ตอนนี้มีหนี้สินรวมทั้งหมด 15,000 บาท โดยเจ้าหนี้จะหมุนเวียนมาเก็บเจ้าละ 150 บาท ต้นก็ไม่มี
 

และล่าสุดเจ้าหนี้ได้บุกเข้ามาถึงในบ้าน บอกถ้าไม่จ่ายจะเอาระเบิดมาปา และจะฆ่าทิ้งให้หมดแม้กระทั่งเด็ก ด้วยความเป็นห่วงหลานตนจึงได้รีบพาหลานออกไปอาศัยบ้านของชาวบ้าน ที่อยู่ในชุมชนโดยหมุนเวียนไป ซึ่งชาวบ้านก็ให้ความช่วยเหลือตนมาโดยตลอด ล่าสุดแก๊งค์เงินกู้เข้ามาไม่เจอใครก็ทุบประตูบ้านและทุบข้าวของพังเสียหาย เพราะไม่เจอตนกับหลาน


อีกทั้งยังบุกเข้าไปในบ้านไปขโมยเอาของใช้ที่เพิ่งซื้อมาไว้ใช้ จากนั้นก็ไปเทน้ำมันพืชตนทิ้งจนหมด ตนจึงหวาดกลัวไม่กล้าอยู่บ้าน วันนี้จึงได้หอบหลานไปขอข้าวสารอาหารแห้งที่วัดกินประทังชีวิตเพราะตนหมดหนทางแล้ว อีกทั้งก็ยังห่วงหลา นอยากให้หลานได้เรียน จึงไปขอความช่วยเหลือกับทางพระคุณเจ้าที่วัด 


ทางด้านนางนิด (สงวนนามสกุล) ชาวบ้านที่อยู่ในชุมชนก็ได้เปิดเผยว่า ครอบครัวของนางเดือนเป็นครอบครัวที่รันทดและน่าสงสาร เพราะมีลูกลูกก็เอาหลานมาทิ้งไว้ให้ แล้วก็ไม่กลับมาดูแลทำให้นางเดือนต้องหาเลี้ยงหลานเพียงลำพัง ไปกู้หนี้ยืมสินมาลงทุนขายปลาดุกย่างบางวันก็ขายดี บางวันก็ขายไม่ดี จากนั้นก็ไปยืมเงินเจ้าอื่นเพื่อเอามาลงทุนและหาเงินส่งหลานเรียน จนหนี้สะสมบานปลายเป็นหนี้หลายเจ้า สุดท้ายถูกเจ้าหนี้มาตามทวงขู่ทำร้ายเอาชีวิต ก็ต้องหอบหลานไปอาศัยอยู่กับชาวบ้านในชุมชน เพื่อหลบหนีแก๊งเงินกู้ 

 

ตนและชาวบ้านในชุมชนก็พากันช่วยเหลือเพราะสงสารเด็กๆ และตัวนางเดือนที่ต้องเจอมรสุมชีวิตตอนแก่ บางวันก็เอาข้าวเอาน้ำมาให้เด็ก อีกทั้งยังรวมเงินให้เด็กไปโรงเรียน เพราะอยากให้เด็กได้เรียน 

 

ทางด้านพระครูถาวรศรัทธาคุณ เจ้าอาวาสวัดวรพรตสังฆวาส ได้เปิดเผยว่าวันนี้ ได้มีโยมไปหาที่วัดซึ่งเอาหลานไปด้วย จำนวน 4 คน ซึ่งหลานก็ยังเด็กบอกว่ามาขอความช่วยเหลือ ขอข้าวสารอาหารแห้งไปประทังชีวิต มีบ้านก็อยู่ไม่ได้ เพราะถูกเจ้าหนี้ตามทวงเงินจึงไปอาศัยบ้านของชาวบ้านอยู่ พอวันนี้เดินทางมาดูที่บ้านเห็นแล้วก็หดหู่น่าสงสาร เพราะอาศัยเพลิงพักเก่าๆ