
สาวแชร์ประสบการณ์เตือนเด็กเสียงดังในโรงหนัง กลับถูกผู้ปกครองปรี่ตบ
สาวแชร์ประสบการณ์เตือนเด็กเสียงดังในโรงหนัง กลับถูกผู้ปกครองปรี่ทำร้ายร่างกาย เล่าละเอียดเป็นฉากๆ ตั้งแต่ต้น ถามชาวเน็ตคิดเห็นอย่างไร?
กลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึงอย่างหนัก หลังผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาแชร์ประสบการณ์สุดซวย เมื่อเข้าไปดูหนังที่โรงภาพยนต์แห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ต เจอกับเด็กๆ เสียงดังจึงได้พูดเตือนไป แต่กลับโดนผู้ปกครองหาเรื่อง ปรี่จะทำร้ายร่างกาย โดยรายละเอียดระบุว่า
อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ แค่พูดตักเตือนในโรงภาพยนตร์ ก็ทำให้เกิดเรื่องถึงขั้นคู่กรณีจะทำร้ายร่างกาย คู่กรณีเป็นผู้ปกครองเด็ก พ่อเด็กและผู้หญิง เราไม่แน่ใจว่าฝ่ายหญิงใช่แม่ของเด็กไหม? คนที่เป็นคู่กรณีหลักคือฝ่ายหญิง
ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ 16:30 โดยประมาณ ของวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ต้นเหตุมาจาก ฉันและแฟนฉันดูหนังอยู่ที่โรงภาพยนตร์หนึ่ง เราสองคนนั่งอยู่ที่โซฟาคู่หลังสุด คู่กรณีและลูกคู่กรณีนั่งอยู่โซฟาคู่ข้างล่างถัดไปแค่แถวเดียว ตอนนั้นหนังกำลังฉายละ พูดก่อนว่าเรื่องนั้นมีเด็กค่อนข้างเยอะ แต่จะมีอยู่ครอบครัวหนึ่ง ที่ปล่อยให้เด็ก 2 คน นั่งกันตามลำพังอีกโซฟา อันนี้ไม่แน่ใจว่ามีผู้ใหญ่นั่งด้วยมั้ย แต่จากที่เห็นคิดว่าไม่ เด็กคุยกันเสียงดังหลายครั้ง และเด็กได้มีการเดินออกจากโรงภาพยนตร์ไปซื้อขนมทั้งๆ ที่หนังกำลังฉาย
เด็กมีการเดินไปมาระหว่างโซฟาของผู้ปกครอง และที่ตัวเด็กนั่งอยู่หลายครั้ง แกะถุงขนมเสียงดัง กินขนมกันเสียงดัง เพราะตอนนั้นได้ยินเสียงถุงขนมหลายครั้ง ทางฉันก็พูดตักเตือนในที่ๆ ของฉัน ที่ๆ ฉันนั่งอยู่ว่า “อย่าเสียงดังค่ะ” อันนี้พูดก่อนว่า ถ้าทางเราไม่แน่ใจหรือยังไงเราจะไม่พูดเลย แต่นี้เสียงดังมาตลอดตั้งแต่เริ่มเรื่อง จนหมดความอดทน ก็ตักเตือนไป เด็กก็เงียบไม่เสียงดังอีก ก็ดูหนังต่อไป
ต่อมาหนังใกล้จะจบละ มีผู้ปกครองเด็ก มาหาตัวว่าใครเป็นคนด่าน้อง มาเดินหาบังคนที่ดูอยู่ ทางเราก็ไม่ได้สนใจ เพราะตอนนั้น เราพูดจบไปนานแล้ว เราก็คิดว่า อาจจะเป็นคนอื่นอีกที่ตักเตือนเพราะน้องเสียงดังจริงๆ ผู้ปกครองเด็กก็พาเด็กออกไปก่อนหนังจะจบ (พูดก่อนว่าทางคู่กรณีคิดว่าเราไปด่าน้อง แต่จริงๆ เราพูดตักเตือนในที่ๆ ของเราดีๆนะ )
พอหนังจบเราสองคนกับแฟนก็เดินออกจากโรงภาพยนตร์ เดินลงไปฝั่งเกมส์เซนเตอร์ ทางคู่กรณีหญิง (ผู้ปกครองเด็ก) ได้เดินปรี่เข้ามาหาทันทีว่า “คนนี้ใช่ไหมที่ด่าน้อง” เราก็บอกด่าว่าอะไรเราก็พูดเสริมอีก ว่าไม่ได้ด่านะคะ พูดดีๆ มีหางเสียงด้วยซ้ำ ทางคู่กรณีก็คงจะไม่พอใจ ไม่ยอมรับว่าเด็กเสียงดัง ก็เถียงว่าไม่ได้เสียงดัง (แต่ทางเราคิดว่าถ้าเด็กไม่ได้เสียงดัง เราจะพูดตักเตือนทำไม)
พูดก่อนว่าคู่กรณีเริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้แล้ว ตะคอกเสียงใส่ โวกเวกเสียงดัง ประเด็นอยู่ตรงนี้ทางคู่กรณีบอกเด็กไม่ได้เสียงดังถูกไหมคะ แต่ทางเราพูดตักเตือนไปลอยๆ ตักเตือนในที่ๆ ของเรา พูดตักเตือนให้รู้ว่ามีคนเสียงดัง ไม่ได้ไปชี้หน้าด่าลูกคู่กรณีเลย แต่คู่กรณีดันเดือดร้อนไม่พอใจ ทางเราก็เลยคิดว่าถ้าลูกคุณไม่ได้เสียงดังคุณจะร้อนตัวทำไมถูกไหมคะ
แต่ที่ทำให้เราไม่โอเคเลย คือทางคู่กรณีเอาคำว่าเด็กมาอ้าง ทั้งๆ ที่คุณควรจะดูแลให้ดี ไม่ให้ไปรบกวนคนอื่น มารยาทในโรงภาพยนตร์ก็มีว่าอย่าเสียงดังรบกวนผู้อื่น มันเป็นพื้นที่ส่วนรวม คุณควรสอนน้องไม่ใช่ไม่พอใจที่คนอื่นมาพูดเตือน ทางฝั่งนั้นก็ไม่พอใจไม่ยอม ทางเราก็ไม่โอเค ว่าทำไมเราตักเตือนเด็กเราผิดหรอ เราไม่ได้ไปว่าน้องด้วยคำหยาบคายเลย พูดตักเตือนในที่ๆ ของเราดีๆ
พอเริ่มมีปากเสียงกันหนักขึ้น ทางนั้นคงควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ละ จึงเดินปรี่เข้ามาจะตบเรา แต่ทางแฟนเราห้ามไว้ แต่เขาก็ไม่ยอม มือเขาเลยหลุดมาข่วนโดนแขนเรากับกระชากผมเราไปนิดหน่อย แต่สุดท้ายยังไงคู่กรณีก็มีเจตนาจะทำร้ายฝ่ายเรา แต่ดีที่เราไม่เป็นอะไรมากก็แยกย้ายกันไป หลังจากเกิดเหตุเราก็เข้าไปแจ้งความเลย เราคิดว่าเขาควรคิดนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่อยากเอาชนะโดยไม่ลืมหูลืมตาเลย เราพูดตักเตือนดีๆ ไม่ได้ด่าเลย คือเอาง่ายๆ คู่กรณีไม่ยอมรับอะไรเลย ทุกคนมีความคิดเห็นยังไงก็สามารถมาพูดคุยกันได้นะคะ ขอบคุณนะคะที่อ่านมาจนจบ