คอลัมนิสต์

ศึก "ไฟเซอร์" หมอไม่ทน VS หมอหนู

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

วัคซีน "ไฟเซอร์" กลายเป็น "ของร้อน" เมื่อ "หมอไม่ทน" จับตาจะไปอยู่ที่ "แขนวีไอพี" หรือไม่ คอลันม์ท่องยุทธภพ โดย ขุนน้ำหมึก

ประเด็นการจัดหารวัคซีนป้องกันโควิด ในประเทศไทย กลายเป็นการเมืองเรื่อง “เอา-ไม่เอา” รัฐบาลประยุทธ์ไปโดยปริยาย เมื่อกลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตย ไม่ว่าจะเป็นราษฎร, เยาวชนปลดแอก,ทะลุฟ้า และกลุ่มอื่นๆ ได้ชูคำขวัญ “ขอวัคซีน mRNA ไม่เอาซิโนแวค”
    

ขณะที่กองเชียร์ “ลุงตู่” ต่างดาหน้าวิจารณ์ว่า “สามนิ้วด้อยค่าวัคซีน” พร้อมกับรณรงค์ให้ประชาชนรับวัคซีนซิโนแวค หรือ ซิโนฟาร์ม
    

สองวันมานี้ แฮชแท็ก #ขอซิโนแวคให้กองทัพ ติดเทรนด์ทวิตเตอร์อันดับหนึ่ง หลังมีการแฉเอกสารขอวัคซีนโมเดอร์นาให้ทหารหน่วยหนึ่ง จึงมีคนกลุ่มหนึ่งทำอินโฟกราฟฟิกเรียกร้องให้ซิโนแวคแก่ทหาร
    

ที่ร้อนแรงสุดๆ ก็คือ กลุ่มหมอไม่ทน ,ภาคีบุคลากรสาธารณสุข และ Nurses Connect นับถอยหลังวัคซีน “ไฟเซอร์” (Pfizer) 1.5 ล้านโดส จะถึงไทย วันที่ 29 ก.ค.2564 

“ขอเชิญชวนประชาชน เฝ้าจับตาการมาถึงของ Pfizer ในอีก 6 วัน เพื่อให้วัคซีนไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่ควรได้รับตามความเสี่ยง และความจำเป็น ไม่ให้มีการบิดเบี้ยวของแผนไปให้หน่วยงานอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง จะเริ่มฉีดวันที่เท่าไหร่? แอบเอาไปให้ใครกี่โดส? ยังไม่มีคำตอบชัดเจนใดๆ เกี่ยวกับการจัดสรรวัคซีน”
    

ศึก "ไฟเซอร์"  หมอไม่ทน VS หมอหนู

กลุ่มหมอไม่ทน จับตาการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์

ถ้าจำกันได้ กลุ่มหมอไม่ทน ,ภาคีบุคลากรสาธารณสุข และ Nurses Connect ได้เคลื่อนไหวเรียกร้อง “วัคซีนคุณภาพ” สำหรับบุคลากรด่านหน้า มาหลายยกแล้ว ถึงขั้นเข้าร่วมการชุมนุมประท้วงเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากนายกรัฐมนตรี

++
วัคซีนวีไอพี
++

เมื่อวันที่ 24 ก.ค.2564 ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ได้โพสต์เฟซบุ๊ควิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ ผู้นำในภาวะวิกฤตว่า “...นึกไม่ออกเลยว่าการรับมือโควิดของรัฐบาลมีเรื่องไหนสำเร็จบ้าง 4 เรื่องหลักทั้งการตรวจ รักษา วัคซีน เยียวยาเละหมด รับปากกับประชาชนไม่เคยทำได้ ความโปร่งใสไม่มี ไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสที่จะเข้ามาถูกมองอย่างหวาดระแวงจากบุคลาการด่านหน้าว่า จะหล่นหายไปอยู่บนแขน VIP”
    

จริงๆแล้ว วลีที่ว่าวัคซีนไฟเซอร์ “จะหล่นหายไปอยู่บนแขน VIP” นั้น มาจากโพสต์ของ “หมอหม่อง" นพ.รังสฤษฎ์ กาญจนะวณิชย์ ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เผยแพร่ผ่านเพจ Rungsrit Kanjanavanit
    

“เดิมวัคซีน Pfizer ที่ได้รับบริจาคจาก สหรัฐฯ 1.5 ล้านโดส จะมาถึง 29 ก.ค.นี้ จัดสรรโควต้าสำหรับ บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า 500,000 โดส (ทีแรกสุด บอกว่า 700,000)เมื่อเช้า ทราบว่า ที่ประชุมจัดสรร เหลือ 200,000 โดส..”   

 

“หมอหม่อง” ถามว่า ไฟเซอร์ 300,000 โดส หายไปไหน? หากไปฉีดถูกที่ถูกทางให้แก่ประชาชนผู้เปราะบางในพื้นที่เสี่ยงสูง ก็จะดีใจมาก
“ถ้า 300,000 โดสที่หายไปไปอยู่ที่แขน เหล่า VIP และเครือญาติ ผมไม่ โอ ครับ”
    

ข้อมูลของหมอหม่อง เท็จจริงประการใด กระทรวงสาธารณสุข จะต้องชี้แจงแถลงไขให้กระจ่าง โดยเฉพาะ “หมอหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีสาธารณสุข ผู้มี “ภูมิการเมือง” ต่ำเตี้ยพอๆกับ พล.อ.ประยุทธ์ คงต้องกำชับกรมควบคุมโรค ที่ต้องจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ให้โปร่งใส

 

ศึก "ไฟเซอร์"  หมอไม่ทน VS หมอหนู

หมอหนู ภูมิการเมืองต่ำต้องลงพื้นที่ช่วยชาวบ้าน

++
วัคซีนบริจาค
++

 สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส รัฐบาลสหรัฐ ได้มอบความช่วยเหลือให้กับประเทศไทย ซึ่งสะท้อนถึงมิตรภาพที่ใกล้ชิดระหว่างไทยกับสหรัฐ และไทยเป็นพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดของสหรัฐ ในเอเชียแปซิฟิก 
 

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงแนวทางการฉีดไฟเซอร์ว่า กระทรวงสาธารณสุข และความเห็นชอบจาก ศบค. กำหนดฉีดไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ให้กลุ่มบุคคลดังนี้

1.บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขด่านหน้าที่ดูแลผู้ป่วยโควิด หรือผู้ป่วยที่เกี่ยวข้องกันที่ฉีดไปแล้ว 2 เข็ม จะมีการกระตุ้นเข็มที่สาม

2.กลุ่มผู้สูงอายุ หรือกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด 3.ชาวต่างชาติที่เป็นกลุ่มเสี่ยงในพื้นที่ระบาด 
    

หลายฝ่ายก็หวังว่า กระทรวงสาธารณสุข จะดำเนินการฉีดไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดส ให้แก่กลุ่มเป้าหมายข้างต้น และไม่บิดเบี้ยวนำไปฉีดให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง 
    

“หมอหนู” ที่เจ็บมาเยอะแล้วกับกรณีวัคซีนซิโนแวค คงไม่เล่นกับ “ของร้อน” เพราะทุกวันนี้ วัคซีนไฟเซอร์ กลายเป็นประเด็นการเมืองไปแล้ว
    

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ