คอลัมนิสต์

"โตโต้" ผ่าม็อบ วิพากษ์ "สายบวก"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ม็อบ 18 กรกฎา "โตโต้" เทศนา "เด็กหัวร้อน" สายบวก สายปะทะ โตไม่ทันพฤษภา 53 คอลัมน์ .. ท่องยุทธภพ โดย .. ขุนน้ำหมึก

ควันหลงจากกรณี “ม็อบ 18 กรกฎา” ส่องเข้าไปในทวิตเตอร์ และเฟซบุ๊ก ก็พบว่า มีเรื่องราวหลายแง่หลายมุม หลังขบวนทัพมวลชน “ฝ่าแก๊สน้ำตา ไปไม่ถึงทำเนียบ” จึงมีเสียงบ่นมากมาย “สันติวิธีแล้วได้อะไร ไปม็อบทุกครั้งไปแล้วก็กลับบ้าน”

 "โตโต้" ผ่าม็อบ วิพากษ์ "สายบวก"

การ์ดวีโว่ เผชิญแก๊สน้ำตา และสายน้ำ

 

 

อานนท์ นำภา แกนนำกลุ่มราษฎร จึงต้องลุกขึ้นมาอธิบายการต่อสู้ของประชาชนว่า “ต้องบอกว่าใจเย็นๆ ไม่มีใครไม่อยากชนะ ทุกคนต้องการชัยชนะ แต่ต้องบอกว่าการต่อสู้กับรัฐที่มีปืนมีกฎหมายมันไม่ง่ายขนาดนั้น เอาเข้าจริงๆผมก็เชื่อว่าทุกคนก็ตระหนักว่ามันไม่ง่ายขนาดนั้น มันไม่ใช่ชุมนุมครั้งเดียวรัฐบาลจะลาออกเลย หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงเลย”

 

ทนายหนุ่มแห่งคณะลาบร้อยเอ็ด สรุปว่า “ผมเสนอให้เรานวดไปเรื่อยๆ ทำลายความชอบธรรมรัฐเผด็จการไปเรื่อยๆ ถึงเวลาบวกกันแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน ถ้าผมหนีก่อนค่อยมาด่ากันครับ”

 

แกนนำราษฎรที่มีอาวุโส และประสบการณ์อย่างอานนท์ มองว่า เกมนี้ต้องเล่นยาว และมวลชนไม่ได้มีแค่บนท้องถนน วันนี้ แนวร่วมขยายตัวไปมากมาย เช่นเดียวกัน “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่มวีโว่ การ์ดอาสา ก็ได้เก็บรับบทเรียน “ม็อบ 18 กรกฎา” คล้ายกับอานนท์ นำภา

 

“เราทุกคนทำดีที่สุดแล้ว ขอให้ทุกคนเดินทางกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ เราส่งทุกคนถึงแยกยมราชแล้ว จากการรุกไล่ของเจ้าหน้าที่อย่างหนัก ด้วยทุกห่ากระสุนที่เขามี แต่วันนี้เราได้ใจพี่น้องประชาชนคนทั้งประเทศ จากการทำกิจกรรมที่สุดสันติ และชอบธรรม”  ที่สำคัญ “โตโต้” ได้เปิดคอร์สอบรมวิธีการต่อสู้ให้กับการ์ดบางกลุ่ม หรือมวลชน..สายปะทะ สายบวก ได้เข้าใจกลยุทธ์และวิธีการเอาชนะเผด็จการ

 

 

 

 

 

 

เสียเปรียบชัยภูมิ

เหตุการณ์วันที่ 18 ก.ค.2564 ขบวนม็อบเคลื่อนไปทำเนียบรัฐบาล โดยมุ่งหน้าไปทางถนนราชดำเนินนอก แต่เจอด่านสกัด แกนนำเยาวชนปลดแอก จึงตัดสินใจเปลี่ยนเส้นทางไปทางถนนนครสวรรค์ มุ่งหน้าแยกนางเลิ้ง แม้จะเห็นหลังคาตึกทำเนียบรัฐบาล แต่การ์ดแถวหน้าก็ฝ่าห่ากระสุนยางและแก๊สน้ำตาเข้าไปประชิดแนวตำรวจไม่ได้ โตโต้ให้ข้อสังเกตว่า

 

 “เราตรวจสอบเบื้องต้น เป็นการใช้กระสุนแก๊สน้ำตาที่เน้นจากการยิงส่ง เกือบ 100%  ทั้งจากปืนยิงของ รถจีโน่ และจากปืนแบบประทับยิงของ เจ้าหน้าที่”

 

ก่อนค่ำ แกนนำเยาวชนปลดแอก ประกาศยุติการชุมนุม แต่มวลชนบางกลุ่มอารมณ์ค้าง เลยปล่อยของเป็นชุดๆ ซึ่งโตโต้ได้สรุปบทเรียนว่า “เราแพ้ทั้ง ชัยภูมิ และ ทิศทางลมจากธรรมชาติ จึงทำให้การใช้แก๊สน้ำตาของเจ้าหน้าที่เมื่อวานนี้เป็นเรื่องมันส์มือของเจ้าหน้าทีไปโดยปริยาย”

 

ด้วยเหตุนี้ โตโต้จึงเสนอว่า “หลังจากนี้ผู้นำของขบวนการฝ่ายประชาธิปไตย ต้องคิดทบทวนอย่างหนักหากจะใช้เส้นทาง นครสววรค์-พิษณุโลก เพื่อไปทำเนียบรัฐบาล”

 

 

 

ไม่เอา “สายบวก”

 ในโซเชียลของฝ่ายต่อต้านกลุ่มสามนิ้ว ได้เผยแพร่ภาพการชกต่อยกัน ระหว่างการ์ดอาสา กับมวลชน อันเนื่องมาจากมีบางคนล้ำเส้น เตรียมปล่อยของ

 

 “โตโต้” ปิยรัฐ จงเทพ จึงโพสต์เฟซบุ๊กแบบยาวๆ วิพากษ์กลุ่มฮาร์ดคอร์ “ผมเคยพูดนะ ไม่ใช่พูดเล่น แต่พูดจริงๆจังๆ ถึงพวกสายปะทะ สายไม่เอาสันติวิธี หรือ สายบวกที่งอแงจะใส่กับตำรวจอย่างเดียว  ถ้าต้องการแบบนั้นจริงๆมาบอกผมได้ ผมจะจัดให้ ผมจะประกาศให้เลยว่าม็อบนี้ ไม่นิยมสันติวิธี ถ้ารัฐรุนแรงมา ก็พร้อมตอบโต้กลับทันที..” 

 

 "โตโต้" ผ่าม็อบ วิพากษ์ "สายบวก"

การ์ดม็อบ 18 กรกฎา

 

เนื่องจาก “โตโต้” เคยผ่านสมรภูมิพฤษภา 2553 ร่วมกอดคอสู้รบมากับคนเสื้อแดง หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุม โตโต้ยังรวมกลุ่มทำกิจกรรมเยียวยาคนเสื้อแดง ทั้งที่บาดเจ็บ และครอบครัวผู้เสียชีวิต

 

 “ผมยอมรับครับ ผมกลัวตาย เพราะคนตายมันสู้ไม่ได้ ผมเห็นคนตายมาต่อหน้าต่อตาผมเมื่อปี 53 แล้วไม่เกิดอะไรขึ้นเลย คนเสื้อแดงมีทั้งกำลังใจ กำลังคน สรรพกำลังทุกด้านมากกว่าพวกเราตอนนี้อย่างเทียบไม่ได้ แต่จนปานนี้ยังไม่ได้รับความยุติธรรม ตอนนั้นพวกคุณอายุเท่าไร ทันโตได้เห็นภาพนั้นมั้ย หรือไปอยู่ที่ไหน” 

สายบวกหรือสายปะทะ ในขบวนการสามนิ้ว มักจะเป็นเยาวชนอายุ 16-17 ปี สมัยเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง พวกเขาเหล่านี้อายุ 4-5 ขวบ 

 

“มันเท่ตรงไหนผมถามหน่อย เข้าไปใส่กับตำรวจที่มีอาวุธยุทโธปกรณ์ครบครัน จากภาษีพวกเรา แล้วเรามีอะไร ปืนไทยประดิษฐ์เหรอ ระเบิดทำมือเหรอ หรือมีอะไรถึงอยากไปใส่กับเขาหนักหนา  ลองดูก็ได้นะ ถ้าไม่ได้หิ้วออกมา มาเหยียบหน้าผมได้เลย”

 

ดูเหมือน “พี่โตโต้” จะเหลืออดเหลือทนกับน้องๆ บางกลุ่ม ที่ไปม็อบ ก็คิดแต่จะบวกกับตำรวจชุดควบคุมฝูงชนอย่างเดียว

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ