คอลัมนิสต์

"บัตร 2 ใบ" เตรียมผ่านสภาใช้เลือกตั้งครั้งหน้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ"เตรียมผ่านสภาใช้ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่ "ใครได้ใครเสีย"ทางการเมือง และประชาชนคนลงคะแนนได้อะไร

การแก้ไขรัฐธรรมนูญปี 2560 รายมาตรากำลังจะเริ่มขึ้นในวันที่ 23-24 มิ.ย.นี้จาก 13 ร่าง ที่บรรจุเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภาซึ่งมีทั้งร่างของ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ  ร่างพรรคร่วมรัฐบาล และร่างของ ส.ส. ฝ่ายค้าน

และหนึ่งในประเด็นที่ได้รับการสนใจอย่างมากก็คือการชงแก้ไขระบบเลือกตั้งซึ่งกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบและกำหนดให้มีส.ส.เขต 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ซึ่งพรรคการเมืองใหญ่อย่าง“เพื่อไทย-พลังประชารัฐ”แม้อยู่คนละขั้วการเมือง แต่ทั้งสองพรรคใหญ่ก็สนับสนุนการกลับมาใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ 

พรรคเพื่อไทยอาจคิดยิ้มในใจว่าถ้าใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ นอกจากได้ ส.ส.เขตแล้วก็จะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อเพิ่มด้วย ไม่ใช่แบบเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่ใช้ระบบเลือกตั้งจัดสรรปันส่วนผสมแบบบัตรใบเดียว ทำให้ได้ ส.ส.เขตอย่างเดียว แต่อดได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ส่วนพลังประชารัฐก็เช่นกัน มีคนอยู่ในมือเพราะไปดูดมาเยอะต่อให้กระแสพรรคอาจไม่ดีแต่พรรคก็มีวิธีอื่นไปกระตุ้นให้ผู้สมัครชนะในเขตได้และสามารถขายพ่วงกับบัตรเลือกตั้งบัญชีรายชื่อพรรคเพราะไปดูดคนมาเยอะแล้ว

ส่วน3 พรรคร่วมรัฐบาล ภูมิใจไทย(ภท.) พรรคประชาธิปัตย์และชาติไทยพัฒนา(ชทพ.)เอาเข้าจริง ไม่ต้องการใช้ระบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เพราะว่าบัตรเลือกตั้งใบเดียวก็ส่งผลดีกับพรรคการเมืองขนาดกลางเหล่านี้อยู่แล้วเนื่องจากมีผู้สมัคร ส.ส.เขตแข็งๆแม้ไม่เยอะแต่มีโอกาสได้ชัวร์ หรือต่อให้ไม่ได้เป็น ส.ส.ก็ได้คะแนนเยอะ แล้วค่อยนำคะแนนตกน้ำมารวมเป็นบัญชีรายชื่อทีหลัง จริง ๆ 

แต่ถ้าไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา ลุ้นได้แค่ ส.ส.เขต มีในมือเท่าไหร่ก็ได้ในมือเท่านั้นส่วน ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์หวังยาก เพราะเวลาแยกบัตรเลืกตั้ง 2 ใบ คนจะมุ่งไปเลือกว่าให้ใครมาเป็นนายกฯซึ่งพรรคการเมืองใหญ่จะโดดเด่นกว่าในการชูคนเป็นนายกฯ

แต่สำหรับ"พรรคก้าวไกล" ที่แปลงร่างมาจาก"พรรคอนาคตใหม่" ไม่นิยมชมชอบ"ระบบเลือกตั้ง 2ใบ" เพราะพรรคอนาคตใหม่ เคยประสบผลสำเร็จในการเลือกตั้งคราวที่แล้วจากระบบ"บัตรเลือกตั้งใบเดียว"
พรรคก้าวไกล จึงชงอีกสูตรหนึ่งคือ บัตรเลือกตั้ง 2 ใบแบบเยอรมันในสูตร MMPโดยวิธีคำนวณของระบบ MMPเวลาคิดคะแนนจะเหมือนกับระบบ MMA ที่เคยใช้เลือกตั้งบัตรใบเดียวในรัฐธรรมนูญ 2560 วิธีคำนวณเหมือนกัน ต่างกันที่บัตรเลือกตั้งสองใบหรือบัตรใบเดียวเท่านั้นแต่ถ้าเอาปาร์ตี้ลิสต์ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง การคิดจำนวน ส.ส.ก็จะคล้ายกับรัฐธรรมนูญ 2560 นับคะแนนไม่ให้ตกน้ำซึ่งการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ รธน.ที่กำหนดไว้ผ่านด่านเสียงในรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งต้องมีเสียงของฝ่ายค้าน 20% และส.ว.สนับสนุนอย่างน้อย 84 เสียง โดยเฉพาะในวาระหนึ่งและวาระสาม

แล้วประชาชนอย่างเราๆได้อะไรจากการให้มี ส.ส.เขต 400 คนและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน โดยใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนกับในรัฐธรรมนูญ 2540

ตอบว่า ประชาชนมีความคุ้นเคยในการเลือกตั้งแบบบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ และการใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ จะสะท้อนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของประชาชนในการลงคะแนนเลือกคนเข้าไปเป็นทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร (ส.ส. )และนายกฯได้มากกว่า  ทำให้รัฐบาลมีความเข้มแข็ง

"การใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวอย่างการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว ประชาชนจะต้องตัดสินใจว่าจะเลือกคนหรือเลือกพรรคและอาจทำ ให้ไม่มั่นใจว่าคนที่ตัวเองเลือกจะได้จัดตั้งรัฐบาลหรือไม่เพราะพรรคที่ได้ ส.ส. เขต จำนวนมากอาจได้ที่นั่งรวมในสภาผู้แทนราษฎรน้อยเพราะต้องแบ่งที่นั่งให้กับคะแนนเสียงตกน้ำ อีกทั้งประชาชนมีความลำบากใจในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วจากบัตรเลือกตั้งใบเดียวแต่มีเพียงไม่กี่หน่วยงานที่ได้ประโยชน์เนื่องจากเป็นการประหยัดงบประมาณ แต่กลับสร้างปัญหาในการทราบความต้องการที่แท้จริงของประชาชน ถือเป็นการบิดเบือนพื้นฐานของประชาธิปไตย ที่จำเป็นจะต้องมีการแก้ไขให้ถูกต้อง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ