เสียงเพลงฟ้าสีทอง บทกวีแห่งการต่อสู้เดือนตุลา กลับมากระหึ่มในม็อบราษฎรอีกครั้ง
++
“ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า
ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน
ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป
เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่
ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ
ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน”
บทกวีของ “วิสา คัญทัพ” ที่มีอายุกว่า 47 ปี ถูกเยาวชนคนรุ่นใหม่ นำมาอ่านซ้ำ และบางเวทีก็ร้องเพลงฟ้าสีทอง ในระหว่างการชุมนุมแบบม็อบดาวกระจาย
เมื่อวันที่ 13 ต.ค.2563 “จุ๋ง” ไพจิตร อักษรณรงค์ อดีตนักร้องดังที่ใช้ชีวิตในเยอรมัน ได้โพสต์เฟซบุ๊คบอกเล่าความเป็นมาของบทกวีฟ้าสีทองว่า “บทกวีบทนี้พี่วิสาเขียนขึ้น เมื่อหลังเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 ไม่นานนัก ผ่านมา 47 ปีแล้วบ้านเมืองยังไม่มีประชาธิปไตยกลับเป็นเผด็จการมากกว่าเก่าวันนี้ขอส่งบทกวีบทนี้มาร่วมเป็นกำลังใจให้กับเยาวชน นักเรียน นิสิตนักศึกษาและประชาชนอีกครั้งนะคะ”
++
นักสู้แดนไกล
++
ประมาณต้นเดือน มิ.ย.2563 “วิสา คัญทัพ” นักเขียนฝ่ายประชาธิปไตย ที่ลี้ภัยอยู่ในเยอรมัน ได้โพสต์คลิปอ่านบทกวีฟ้าสีทอง ทางแฟนเพจ Visa Khanthap
“ในฐานะ 1 ใน 13 คน ในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 หลังถูกปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไขจากเรือนจำชั่วคราวบางเขน ภาพที่เห็นตอนค่ำของคืนวันที่ 13 ตุลาคมคือ ภาพพลังนักศึกษาประชาชนเรือนแสนแน่นขนัดอยู่เต็มอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย"
วิสา คัญทัพ เป็น 1 ใน 13 ผู้เรียกร้องรัฐธรรมนูญ ได้ถูกตำรวจจับกุม และเหตุการณ์ดังกล่าว ได้พัฒนาไปสู่การชุมนุมใหญ่ และเดินขบวนขับไล่เผด็จการ “ถนอม-ประภาส”
เมื่อวิสา ถูกปล่อยตัวออกมา ก็ได้เห็นภาพการเดินขบวนครั้งประวัติศาสตร์ จึงเก็บภาพจำนั้นไว้ในใจ ยังไม่คิดจะเขียนบทกวี กระทั่ง ช่วงปี 2517-2518 วิสาได้ทำงานประจำที่กองบรรณาธิการ นสพ.“เสียงใหม่” รายวัน
“ผมเขียนกลอนบทนี้ที่นี่ ตอนนั้นผมรับเป็นผู้ถอดความหนังสือประกอบภาพปั้นของจีนที่ชื่อ “พืชพันธุ์แห่งการต่อสู้ : ภาพปั้นแกะสลักของชนผู้ยากไร้” อันเป็นเรื่องราวความทุกข์ระทมของชาวนาจีนในสังคมศักดินา ตอนจบของเรื่อง ที่หน้าสุดท้ายมีภาพดวงตะวันสีแดงดวงโตปรากฎซ้อนอยู่กับภาพชาวนาที่ลุกขึ้นสู้ จนได้ชัยชนะ"
แรงบันดาลใจที่เขียนกลอนฟ้าสีทอง ไม่ใช่ใบหน้าชาวนาจีน แต่หากเป็นภาพพลังนักศึกษาประชาชน 14 ตุลา
ถัดจากนั้น วรรคทอง “เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน” ได้ถูกนำไปเผยแพร่ผ่านเวทีม็อบชาวนา ม็อบกรรมกร นักไฮด์ปาร์คนิยมท่องกวีบทนี้ปลุกเร้าประชาชน รวมถึงใส่ทำนองดนตรีเป็นบทเพลง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง