เมินหยุดยิง รบพม่าฝ่าโควิด

++
          เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 กองทัพเมียนมา ได้ประกาศหยุดปฏิบัติการทางทหารหรือหยุดยิงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ตั้งแต่ 10 พ.ค. ไปจนถึง 31 ส.ค.2563 ยกเว้นพื้นที่ที่ส่องสุมกำลังกลุ่มก่อการร้ายและองค์กรนอกกฎหมาย

          บล็อกเกอร์ บก.เงาลาย ngaolaimedia.blogspot.com รายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.2563 เกิดเหตุความไม่สงบขึ้น บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3 (มัณฑะเลย์-หล่าเสี้ยว-หมู่แจ้) ช่วงเมืองโก๊ดขาย-น้ำพักก่า บ้านน้ำโก๊ด เขตเมืองโก๊ดขาย แขวงหมู่แจ้ รัฐฉานตอนเหนือ สหภาพเมียนมา ส่งผลให้มีรถยนต์ที่สัญจรไปมาติดเป็นทางยาว

          จากการสอบถามชาวบ้านที่อพยพหนีตายในครั้งนี้ ให้ข้อมูลว่า ได้มีเสียงเครื่องยิงลูกระเบิดและปืนกลดังขึ้นติดต่อกันเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงปืนสงบลง

 

 

          ต่อมา แฟนเพจเฟซบุ๊ก PSLF/TNLA ของกลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยรัฐปะหล่อง/กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง ได้แถลงว่า ทหารแห่งกองทัพปลดปล่อยตะอาง ได้ซุ่มโจมตีรถบรรทุกทหารเมียนมา ยึดอาวุธและกระสุนได้จำนวนหนึ่ง

          ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ของกองทัพปลดปล่อยตะอาง (TNLA) น่าจะมาจากการที่ทหารเมียนมา ได้เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมาย 2 หลัง ในหมู่บ้านน้ำหอยใต้ เขตเมืองหมู่แจ้ แขวงหมู่แจ้ หลังการสืบทราบว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ มีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง ผลการตรวจค้นพบอาวุธปืนพก และเครื่องแบบทหารมีตราสัญลักษณ์เครื่องหมายกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อยชาติพันธุ์ PSLF/TNLA 

          กลุ่มแนวร่วมปลดปล่อยรัฐปะหล่อง/กองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (PSLF/TNLA) เป็น 1 ใน 4 กลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ ที่มีฐานปฏิบัติการในรัฐฉานตอนเหนือ ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการเจรจาหยุดยิงเพื่อสันติภาพกับรัฐบาล อองซาน ซูจี

          อนึ่ง ช่วงโควิดระบาด สถานการณ์การสู้รบในรัฐยะไข่ กลับไม่ลดลง ยังมีเหตุปะทะกัน ระหว่างทหารกองทัพเมียนมากับกองทัพอาระกัน (AA) ในพื้นที่รอยต่อรัฐยะไข่ และรัฐชิน 

 

 

 

 

          ด้านหนึ่ง ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเมียนมาพบว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ได้มีความคลี่คลายไประดับหนึ่ง จำนวนผู้ติดเชื้อสะสม ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในแต่ละวัน และสถิติผู้เสียชีวิตในประเทศลดลงหรืออยู่ในระดับที่ควบคุมได้อย่างต่อเนื่อง 

          ดังนั้น ทางการเมียนมาได้มีนโยบายผ่อนคลาย เพื่อลดผลกระทบต่อประชาชน ด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง แต่หากปรากฎว่ากลับมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มหรือโอกาสเสี่ยงมีมากขึ้น ก็อาจจะระงับหรือเปลี่ยนแปลงการผ่อนคลายบางส่วนหรือทั้งหมดได้