ตามล่า "คลิปลับ" ปมจัดงบฯให้สส.โทษตัดสิทธิการเมือง - ครม.พ้นทั้งคณะ

         ฮือฮามาก และหากเป็นจริง ก็ถือว่าเล่นกันแรง สำหรับการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ

         เมื่อมีกระแสข่าวว่า มี สส.กลุ่มหนึ่งเข้าพบรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน แล้วได้รับการช่วยเหลือเป็นตั;เลข 8 หลักเพื่อค้ำบัลลังค์เก้าอี้เลขาธิการพรรคต่อไป

         ขณะเดียวกันสื่อบางสำนักรายงานลึกไปอีกว่า มีคลิปลับ ในการพบปะพูดคุยกัน ของนักการเมืองที่มีตำแหน่งทางการเมืองกับสส. ว่าจะจัดสรรงบประมาณให้คนละ10-50 ล้าน โดยจะเอาจาก กองทุนอนุรักษ์พลังงาน ของกระทรวงพลังงาน

 

         สื่อสำนักนี้ยืนยันว่าคนให้ข่าวมี “คลิปเสียง”

         เป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง ผู้มีตำแหน่งทางการเมือง แต่ไม่ได้เป็นสส. กับสส.กลุ่มหนึ่ง ให้สส.ไปทำโครงการในพื้นที่เลือกตั้งเสนอมา โครงการอะไรก็ได้  ที่จะสามารถจัดสรรงบประมาณของกองทุนอนุรักษ์พลังงานได้

         หากเป็นเช่นนี้ คงไม่ใช่การเล่นการเมืองภายในพรรคพลังประชารัฐ ที่2ขั้วพยายามจะแย่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคเท่านั้น แต่เกมการเมืองในพรรค จะนำไปสู่การตัดสิทธิสส.และครม.จะต้องพ้นทั้งคณะด้วย

         ยังจำได้หรือไม่ วันสัมมนาสส.ใหม่ของพลังประชารัฐ มีการเชิญ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกรรมิการร่างรัฐธรรมนูญมาให้ความรู้กับสส.ใหม่ เมื่อวันที่15 พฤษภาคม 2562 ที่จังหวัดชลบุรี

         บวรศักดิ์ ยกประเด็นมาตา144ของรัฐธรรมนูญปี2560 มาเตือนสส.พลังประชารัฐว่า ให้ระวังมาตรานี้ให้ดีๆ เพราะว่าตัวสส.จะไม่สามารถไปยุ่งเหยิงกับการจัดสรรงบประมาณได้ หากตัวสส.ทำเอง จะต้องถูกตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต แต่หากมีรัฐมนตรีรู้เห็นด้วย ครม.จะต้องพ้นสภาพทั้งคณะ

         กฎหมายใหม่ที่เขียนเอาไว้แรงมากเพื่อป้องกันไม่ให้มีการจัดสรรงบสส.เหมือนในอดีตที่ผ่านมา เนื่องจากงบสส. นำไปสู่การทุจริตคอรัปชั่น จึงมีการเขียนห้ามเอาไว้ในรัฐธรรมนูญที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานในการร่างฯ

         นี่คือบทลงโทษคร่าวๆของ มาตรา 144 ในรัฐธรรมนูญ ฉะนั้น หากตามข่าวที่ปรากฏในสื่อออนไลน์ว่า มีคลิปเสียง ขึ้นกับว่า เจ้าของคลิปเสียง จะนำมาเปิดเผยหรือไม่ หากนำมาเปิดเผยก็จะนำไปสู่ความเสียหายของ พรรคพลังประชารัฐ และอาจลามไปถึงครม. ที่จะต้องรับผิดชอบตามกฎหมายด้วย

          ศึกในพรรคพลังประชารัฐ จึงนับว่าแรงขึ้นเรื่อยๆ เพราะแต่ละฝ่ายต่างต้องการอำนาจในการบริหารจัดการพรรค ไม่ใช่เฉพาะเก้าอี้หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เท่านั้น หากขั้วใหม่เข้ามายึดอำนาจนี้ได้ จะนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรี

          แน่นอนว่า กลุ่มที่ได้อำนาจในพรรค ย่อมมีอำนาจในการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี และเก้าอี้ที่กลุ่มอำนาจใหม่จะเข้ามาจัดการพรรคพลังประชารัฐก็คือเก้าอี้ รมว.พลังงาน

          ดังนั้น ณ ชั่วโมงนี้ คนในพรรคพลังประชารัฐ จึงวางใจใครไม่ได้เลย เพราะอยู่ในระหว่างการระดมเสียงเพื่อให้สนับสนุนฝ่ายตนเอง ทั้งเสียงสส.และเสียงของกรรมการบริหารพรรค

         ล่าสุด วัชระ กรรณิการ์ โฆษกกระทรวงพลังงาน ได้ให้สัมภาษณ์ปฏิเสธว่า ข่าวดังกล่าวล้วนเป็นความเท็จ และเป็นการกล่าวหาโดยปราศจากข้อเท็จจริงใดๆทั้งสิ้น ซึ่งผมไม่ทราบว่าผู้ที่ปล่อยข่าวดังกล่าวมีวัตถุประสงค์อะไร แต่เข้าใจว่าเป็นความพยายามในการดิสเครดิตและใส่ร้ายป้ายสีนายสนธิรัตน์ทางการเมือง ซึ่งเป็นวิธีการที่ต่ำช้าและน่าอับอาย

         แต่โฆษกกระทรวงพลังงาน ยอมรับว่า มีสส.เข้าพบรัฐมนตรีจริง แต่หารือเรื่องโควิด-19 ไม่มีเรื่องเงินทองมาเกี่ยวข้อง ไม่มีเรื่องการเมือง

         “เหตุการณ์ที่กล่าวอ้างถึงในเนื้อข่าว ผมนั่งอยู่ด้วยในทุกวินาทีตั้งแต่ต้นยันจบ ไม่มีแม้แต่ประโยคเดียวที่ออกจากปากนายสนธิรัตน์ หรือจากปากของ ส.ส.ที่เข้าร่วมพบปะหารือ เกี่ยวข้องถึงการนำเสนอผลตอบแทนหรืออามิสสินจ้างใดๆ ต่อการทำงานหรือการดำรงอยู่ของนายสนธิรัตน์ ไม่ว่าจะในตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ หรือรัฐมนตรีฯ เพราะนายสนธิรัตน์มั่นใจว่า ตนเองได้ทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการที่ไม่มีเกียรติและต่ำช้าในรูปแบบดังกล่าว”

          อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าข่าวดังกล่าวจะจริงหรือไม่จริง ไม่ว่าจะมีคลิปเสียงหรือไม่ แต่สิ่งที่ต้องสังเกตก็คือว่า มีเฉพาะสส.พลังประชารัฐ เท่านั้นที่เข้าพบ สนธิรัตน์ ฉะนั้น หากมีข่าวจริงที่ปล่อยออกมา คนปล่อยก็คือสส.พลังประชารัฐ และหากมีคลิปเสียง คนอัดคลิปเสียงก็คือ สส.พลังประชารัฐเอง

          จึงต้องตามล่าหา”คลิปเสียง”นั้นให้ได้ ก่อนจะตกไปถึงมือฝ่ายตรงข้ามหรือพรรคอื่น 

          แต่วันนี้ วันที่ผู้ใหญ่ในพรรคไม่ลงมาจัดการให้เด็ดขาด เลยทำให้ปัญหาแย่งเก้าอี้หัวหน้าและเลขาฯบานปลาย จนอาจนำไปสู่การพ้นสภาพของครม.เลยก็ว่าได้.