ไม่ง่าย..เอาผิด 'คณะก้าวหน้า' ยิงเลเซอร์  #ตามหาความจริง

กรณีการยิงแสงเลเซอร์ไปตามสถานที่สำคัญต่างๆอาทิ กระทรวงกลาโหม,วัดปทุมฯ, อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย  พร้อมข้อความ #ตามหาความจริง เมื่อช่วงค่ำวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา

 และต่อมา"คณะก้าวหน้า" เป็นผู้เฉลยเองว่า ใครคือผู้ยิงแสงเลเซอร์ไปตามสถานที่ต่างๆ 

 เพราะว่า ไลน์ "คณะก้าวหน้า"และทวิตเตอร์ "คณะก้าวหน้า - Progressive Movement"  ได้ระบุเกี่ยวกับกรณีการยิงเลเซอร์ไปยังสถานที่ต่างๆทั่ว กทม. และเชิญชวนให้ร่วมกิจกรรมกับ"คณะก้าวหน้า"ในวันที่ 12-20 พ.ค.2563 อ้างว่า ความจริงต้องปรากฏ

 อีกทั้งเฟซบุ๊กของ"คณะก้าวหน้า" ยังได้ระบุถึงเหตุการณ์ทางการเมืองสำคัญในประเทศไทย เช่น เหตุการณ์ทางการเมืองในเดือน พฤษภาคม 2535 และ 2553 ,เหตุการณ์ทางการเมือง 14 ตุลาคม 2516 และเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งความจริงต้องปรากฏและระบุว่าไม่ต้องตามหาอีกต่อไปใครคือผู้ยิงเลเซอร์ฉายแสงเพราะเป็นประชาชนที่กำลังร่วมกันตามหาความจริง

การเคลื่อนไหวของ"คณะก้าวหน้า"ดังกล่าว ยังมีคนมองว่า มีความเกี่ยวข้องกันอย่างชัดเจนสอดรับกันเป็นกระบวนการกับความเคลื่อนไหวของ ส.ส. "พรรคก้าวไกล" เพราะทั้งลำดับเวลาในการโพสต์ข้อความและแฮชแทกตามล่าหาความจริงที่ริเริ่มนำโดยน.ส. พรรณิการ์ วานิช ตั้งแต่เวลา 9.23 น.ของวันที่1 พ.ค.และคณะก้าวหน้านั้น ต่อมาทีมโฆษกพรรค ทีมรองเลขาธิการพรรค ทีมกรรมการบริหารพรรค และส.ส.พรรคก้าวไกล ได้เผยแพร่ข้อความและกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อเนื่องขยายออกไป 
 และเกิดคำถามว่า..การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายยุบพรรคก้าวไกลและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคได้หรือไม่เพราะพรป.พรรคการเมือง ห้ามไม่ให้พรรคการเมืองยินยอมให้บุคคลใดเข้ามาครอบงำ หรือชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมือง 
 ส่วนทาง"พรรคก้าวไกล"  ออกมาโต้ว่า พรรคก้าวไกลในฐานะพรรคการเมืองซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนมีสิทธิ์ทวงความยุติธรรมที่มีเงื่อนงำมาเป็นสิบปีการเปิดเผยข้อเท็จจริงกรณีการสูญเสียจากเหตุการณ์ชุมนุมในเดือนพฤษภาคม ปี 2553 จึงเป็นสิ่งที่ควรทำ ไม่เห็นจะผิดตรงไหน 
  ขณะเดียวกันฝ่ายความมั่นคงและตำรวจก็กำลังศึกษาข้อกฎหมายว่าการกระทำในลักษณะนี้เข้าข่ายผิดกฎหมายใดหรือไม่ อาทิ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ,กฎหมายอาญาข้อหายุยงปลุกปั่น, พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์, ละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เพราะคดีเหตุการณ์ปี 53 ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาคดีของศาล 
   ทั้งนี้ในประเด็นแง่มุมกฎหมายอาญาและรัฐธรรมนูญ  "คณะก้าวหน้า"- "พรรคก้าวไกล " ทำผิดกฎหมายหรือไม่นั้น ??....
    รศ.ดร. เจษฎ์ โทณะวณิก  ประธานคณะนิติศาสตร์  วิทยาลัยบัณฑิตเอเชีย มองว่า ไม่มีบทบัญญัติเอาผิดทางกฎหมายอย่างชัดเจนกับการกระทำดังกล่าวคือ การฉายแสงเลเซอร์ไปตามสถานที่ต่างๆ  จะว่าผิดบุกรุกสถานที่ก็ไม่ได้ เพราะบุกรุกต้องมีการรุกล้ำเข้าไป แต่นี้แค่ฉายแสงเลเซอร์ไปตามผนังอาคารต่างๆ และก็ยังไม่เข้าข่ายปลุกปั่นยุยงเพราะแค่ฉายแสงเลเซอร์ครู่เดียว ก็เลิกไป และก็ไม่น่าผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะไม่ได้กระทำในเวลาเคอร์ฟิว และไม่ได้มีการนำข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ จึงไม่น่าผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ
   "แต่การกระทำดังกล่าวเป็นการก่อกวนเพราะถ้าต้องการแสวงหาความจริง ก็ต้องไปค้นหาข้อมูล  ไปทำการวิจัย ถามผู้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์  ไปค้นหาความจริงตามสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้นๆ แล้วเอาสิ่งที่ได้มาปะติดปะต่อกัน จากนั้นก็ไปหาข้อกฎหมายมาเอาผิดหากพบข้อเท็จจริงว่ามีการทำผิดจริง ในส่วนข้อเท็จจริงที่ได้ข้อมูลมาจากการสืบเสาะค้นหาก็นำเผยแพร่สู่สาธารณชน ถ้าทำได้อย่างนี้จึงจะถือว่าเป็นการแสวงหาความจริงเพื่อให้เกิดความกระจ่างเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อบ้านเมือง  แต่ที่ทำอยู่คือ เป็นการต้องการก่อกวน ไม่ให้รัฐบาลบริหารประเทศได้อย่างสบายๆ และหวังว่าสุดท้ายผู้นำประเทศจะอดทนไม่ไหวซึ่งก็จะ"เข้าทาง"ฝ่ายที่ต้องการก่อกวน ถ้าอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพ ขอถามว่ามีสิทธิในการก่อกวนรัฐมั๊ย  อย่างไรก็ตามบ้านเราน่าจะยังไม่มีกฎหมายเอาผิดกับการกระทำในลักษณะก่อกวนรัฐ แต่ในต่างประเทศมีกฎหมายเอาผิดกับการกระทำในลักษณะที่เป็นกาก่อกวนรัฐ"      
  ส่วนประเด็นที่ว่าจะยุบพรรคก้าวไกลได้หรือไม่นั้น อ.เจษฎ์ มองว่า ยังไกลกว่าเหตุที่จะยุบพรรคก้าวไกลได้เพราะการครอบงำพรรคที่จะเป็นเหตุให้ยุบพรรคการเมืองได้นั้น ต้องเป็นการเข้าไปครอบงำ"กิจกรรมของพรรคการเมือง"นั้น กรณีที่ฉายแสงเซอร์พร้อมข้อความ #ตามหาความจริง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของพรรคแต่อย่างใด