พม่าไร้สงบ รบไปต้านโควิดไป

ขณะที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) กลับมีความเป็นห่วงสถานการณ์การสู้รบในรัฐยะไข่ ระหว่างทหารกองทัพเมียนมากับกองทัพอาระกัน (AA) ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน

กองทัพอาระกัน(AA) อ้างเป็นตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ยะไข่ ที่ต่อสู้เรียกร้องสิทธิในการปกครองตนเองให้แก่รัฐยะไข่ ซึ่งพวกเขาได้จับอาวุธลุกขึ้นต่อสู้กับกองทัพของรัฐบาลอองซาน ซูจี มานานกว่า 1 ปีแล้ว

โฆษกสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) แถลงว่า เป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะระบุว่า ประชาชนผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ เป็นผลมาจากการตกเป็นเป้าโจมตีหรือติดอยู่กลางพื้นที่ปะทะระหว่างกองทัพเมียนมา และกองทัพอาระกัน

เมื่อวันที่ 20 เม.ย.2563 มีกองกำลังติดอาวุธเข้าโจมตีรถยนต์ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ในพื้นที่แขวงมรัคอู รัฐยะไข่ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังขนส่งตัวอย่างสารคัดหลั่งของกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อโควิด จากเมืองซิตตเวไปยังห้องแล็บในนครย่างกุ้ง เพื่อตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19

ด้วยเหตุนี้ พระคาร์ดินัลฟรังซิสเซเวียร์ ชาร์ลส์ หม่อง โบ อัครมุขนายกมิสซังโรมันคาทอลิกแห่งนครย่างกุ้ง จึงเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการสู้รบในเมียนมา แล้วหันมาร่วมมือกันปกป้องทุกชีวิตบนโลกให้รอดพ้นจากภัยคุกคามจากเชื้อไวรัสโควิด

ด้านข่าย ตุ๊ คะ โฆษกกองทัพอาระกัน(AA) กลับชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลซูจี และกองทัพเมียนมา อันตรายและน่ากลัวยิ่งกว่าไวรัสโควิด 19

เชื้อไวรัสโควิด-19

กองทัพอาระกัน(AA) เป็น 1 ใน 30 กองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ในเมียนมา และรัฐบาลเมียนมา ไม่ยอมรับให้เข้าสู่กระบวนการเจรจาสันติภาพ เหมือนกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ

เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลเมียนมา ได้ประกาศว่า “สหสันนิบาตแห่งอาระกัน” (ULA) และ “กองทัพอาระกัน” (AA) เป็นองค์กรก่อการร้าย

ฉะนั้น ประชาชนในรัฐยะไข่ จึงตกอยู่ในความหวาดกลัว ทั้งจากสงครามกลางเมือง และสงครามเชื้อโรค