คอลัมนิสต์

ลุ้นดัน 'กรวัชร์' นั่งอธิบดีดีเอสไอตัวจริง หลัง'ไพสิฐ'เดี้ยง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลังจาก พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ มีปัญหาสุขภาพและตัดสินใจลาออก เม.ย.นี้ ชื่อของ'กรวัชร์ 'ก็เด่นชัดขึ้นในฐานะตัวเต็งเก้าอี้นี้  ด้วยคุณสมบัติ ดี-เด่น-ดัง

     หลังจากเป็นที่ค่อนข้างแน่ชัดว่า พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ มีปัญหาสุขภาพ ปวดศีรษะเรื้อรัง ป่วยหนักจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้เกือบ 1 เดือนเต็ม โดยแพทย์ให้คำแนะนำว่า ต้องหยุดพักงานเพื่อไม่ให้เกิดความเครียด   ที่ผ่านมาดีเอสไอแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยแบ่งภารกิจให้พ.ต.ท.ปกรณ์ สุชีวกุล กับหมอไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ผลัดกันรักษาการอธิบดี คนละ 1 สัปดาห์ จนถึงขณะนี้มีความชัดเจนว่า เพื่อให้พอเหมาะพอดีกับฤดูแต่งตั้งโยกย้ายกลางปี ในช่วงเดือนเมษายนนี้  พ.ต.อ.ไพสิฐ ตัดสินใจวางมือขอลาออกจากราชการเนื่องจากปัญหาสุขภาพแน่นอน ย้ำอีกครั้งว่ามีปัญหาสุขภาพ ไม่ใช่ปัญหาจากความเครียดกรณีถูกร้องเรียนให้ตรวจสอบการใช้ดุลพินิจสั่งคดี ในฐานะอธิบดีดีเอสไอ ตามที่มีหลายฝ่ายพยายามสร้างกระแสปล่อยข่าว ไม่ว่าจะเป็นคดีแชร์ลูกโซ่ หรือคดีในตลาดหลักทรัพย์   

       โดยที่ผ่านมา ดีเอสไอได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับกระทรวงยุติธรรมต้นสังกัดให้เข้าใจตรงกันว่า  กลต.ได้แก้กฎหมายภายในเพื่อจัดการกับคดีปั่นหุ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เด็ดขาด รวดเร็ว โดยมีคณะกรรมการพิจารณาทางแพ่ง ซึ่งมีรองอธิบดีดีเอสไอเป็นตัวแทนอธิบดีไปนั่งร่วมประชุมทุกเดือน ทั้งนี้เมื่อพบหลักฐานการปั่นหุ้นคณะกรรมการชุดดังกล่าวสามารถเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินมาตรการทางแพ่ง พร้อมเปรียบเทียบปรับ โทษปรับไม่ใช่น้อยๆ ได้ประโยชน์จากการปั่นหุ้นเท่าไหร่ โดยปรับไม่น้อยกว่า 2 เท่า เห็นกันชัดๆกับคดีปั่นหุ้นของหมอคนดังโดนปรับไป 500 ล้านบาท ซึ่งเจ้าตัวยอมจ่ายโดยไวเพราะถ้าขืนยึกยัก ตะแบงสู้ กลต.สามารถยื่นฟ้องแพ่งได้ทันที ส่งผลให้คดีปั่นหุ้นบางเรื่อง ยุติลงที่การจ่ายค่าปรับ

      อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ว่างเว้นผู้บังคับบัญชา บรรดานักวิ่งเต้นภายในดีเอสไอ เริ่มคาดเดาผู้ที่อยู่ในข่ายอาจได้รับการโปรโมทให้เป็นอธิบดีดีเอสไอคนใหม่ เงื่อนไขคือต้องทำงานได้ทันที  โดยรายชื่อที่ถูกโยนออกมาเป็นหินถามทาง มีทั้งพ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และพ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร ผู้ตรวจราชการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งทุกรายชื่อล้วนมีประสบการณ์ในงานด้านสืบสวนสอบสวนคดี และผ่านเก้าอี้รองอธิบดีดีเอสไอมาแล้วทุกคน

       โดย 2 ชื่อแรก พ.ต.อ.ณรัชต์และพ.ต.อ.ดุษฎีมีข้อติดขัดตรงที่เจ้าตัวจะครบเกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 63 นี้  ส่วน พ.ต.ท.วรรณพงษ์แม้มีความมั่นใจว่าทำงานได้แน่ บริหารงานได้ดี แต่ฝ่ายผู้มีอำนาจอาจยังมีประเด็นค้างคาใจ จากคดีม็อบสีเสื้อและคดีการเข้าสลายชุมนุมก่อความไม่สงบ  

      คงเหลือเพียงพ.ต.ท.กรวัชร์ ที่อายุราชการยังเหลือ และไม่ปรากฏร่องรอยบาดแผลเด่นชัด ผลงานที่ผ่านมาก็สร้างกระแสเรียกความเชื่อมั่นให้กับองค์กรดีเอสไอไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นการสอบสวนคดีนำเข้ารถยนต์หรูแบบจดประกอบ จดทะเบียนเป็นรถสปอร์ต-เบนซ์ติดตั้งถังก๊าซเชื้อเพลิงแอลพีจี เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี เป็นผลให้รัฐบาลประกาศยกเลิกการจดทะเบียนรถยนต์นำเข้าแบบจดประกอบ  จนตลาดรถเกรย์มาร์เก็ตและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์หรู โดยเฉพาะค่ายลัมโบร์กินี เปลี่ยนวิธีนำเข้า เลี่ยงภาษีในรูปแบบสำแดงใบอินวอยซ์เท็จ  ซึ่งก็ถูกทีมสอบสวนของพ.ต.ท.กรวัชร์ เรียกมาตั้งข้อกล่าวหากันกราวรูด ตบท้ายด้วยการส่งหุ่นยนต์สำรวจใต้น้ำลงงมลำน้ำภายในอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำไปสู่การค้นพบชิ้นส่วนกะโหลกศีรษะมนุษย์ที่มีไมโทรคอนเดรียดีเอ็นเอตรงกันแม่ของกะเหรี่ยงบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ แกนนำกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไร้ร่องรอยหลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานจับกุมตัวในคดีลักลอบเก็บน้ำผึ้งป่า 5 ขวด ซึ่งผลงานในคดีบิลลี่ ส่งผลให้พ.ต.ท.กรวัชร์ ขยับจากรองอธิบดีดีเอสไอ (ซี 9)เป็นผู้ตรวจราชการระดับ 10  ด้วยคุณสมบัติดีเด่นดังของ พ.ต.ท.กรวัชร์ ประกอบกับข้อขัดข้องของบรรดาคู่เทียบ อาจส่งผลให้พ.ต.ท.กรวัชร์ ถูกวางเป็นตัวเต็งที่จะได้รับความไว้วางใจ คุณสมบัติผ่านด่าน เป็นอธิบดีดีเอสไอคนต่อไป  

        สำหรับดีเอสไอ แม้จะเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงตราชั่ง ที่มีสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นเจ้ากระทรวง แต่ชัดเจนมาตั้งแต่ช่วงฟอร์มทีมตั้งรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะกำกับดูแลหน่วยสอบสวนพิเศษด้วยตนเอง ส่งผลให้การจัดสรรกำลัง วางตัวไพร่พลเพื่อบริหารงานภายในและงานคดี ต้องได้รับสัญญาณไฟ ล่าสุดเก้าอี้รองอธิบดีที่ว่างอยู่แม้เป็นอำนาจของปลัดกระทรวง แต่ยังตั้งใครไม่ได้ แว่วว่า ส่อมีปรากฏการณ์โจ๊ก 2 แทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้าย ดาวกระจายไปทุกกระทรวง 

           เงื้อๆง่าๆระวังอย่าให้ซ้ำรอย สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)  กับ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) หน่วยงาน 2 ป. ที่ยกสถานะออกจากหน่วยงานขึ้นตรงรัฐมนตรียุติธรรม ไปขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี  โดยกรณีปปง.หลังส.ว.ตีตก “พล.ต.ต.ปรีชา เจริญสหายานนท์ รองเลขาธิการปปง. " ไม่ผ่านคุณสมบัติชวดที่นั่งเลขาธิการปปง.  ทั้งที่ในสำนักงาน ปปง.เหลือ พล.ต.ต.ปรีชา เป็นรองเลขาธิการเพียงคนเดียว รองเลขาธิการฯอื่นที่เกษียณไปตั้งแต่เดือนกันยายน 62 ก็ยังไม่มีการแต่งตั้ง จนคนปปง.ต้องถ่างตารอว่า จะไปต่อกันอย่างไร คนใหม่จะเป็นใคร  โยกข้ามห้วยมาจากหน่วยใด  
          ส่วน ป.ป.ท.ได้คนถูกใจนั่งคุมแผงผู้บริหารพรึ่บ แต่ผลงานบอดสนิท เป่าสากยาวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 คดีทุจริตรับฝากข้าวในโครงการรับจำนำข้าวกว่า 900 สำนวน หลังโอนย้ายหน่วยงานไปขึ้นตรงนายกฯ ในปี 59  ลากยาวมาถึงปี 63 คดียังคงเดินหน้าใน"สเต็ปหอยทาก"

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ