คอลัมนิสต์

หยิกเล็บเจ็บเนื้อ'บิ๊กแดง' กัดฟัน ทุบหม้อข้าวทหาร

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'บิ๊กแดง'ขีดเส้นสางธุรกิจ ล้างบางระบบเอื้อ ปย. เท่ากับยอมรับว่าความไม่โปร่งใส มีอยู่จริงในกองทัพ เปรียบเสมือน 'หยิกเล็บเจ็บเนื้อ' แตะตรงไหน ก็เจอแต่ 'เพื่อนพ้อง น้อง พี่' และกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้อง

ในกองทัพบก มีคำพูดประโยคหนึ่งที่ติดปากกำลังพลชั้นผู้น้อยว่า “ มีนายดี ลูกน้องก็พลอยสบายไปด้วย ” 

 

ดังนั้นก็อย่าพึ่งเหมารวมและต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้บังคับบัญชา เพราะไม่ใช่ทุกคนที่ใช้อำนาจกดขี่ข่มแหง เอารัดเอาเปรียบผู้ใต้บังคับบัญชา เช่นเดียวกับผู้ใต้บังคับบัญชา ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะประพฤติดี และอยู่ในระเบียบวินัย

 

จากกรณี จ.ส.อ.จักรพันธ์ ถมมา สังกัดกองพันกระสุนที่ 22 กองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ใช้อาวุธปืนทำร้ายผู้บังคับบัญชาและเครือญาติที่บ้านพัก ก่อนจะปล้นปืนไล่ยิงเจ้าหน้าที่ทหาร รวมถึงประชาชนรายทางและในห้างสรรพสินค้าเทอมินอล 21 จ.นครราชสีมา จนมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก

 

ก็ไม่ต้องฟื้นฝอยหาตะเข็บ เพราะทั้งผู้ก่อเหตุและคู่กรณีได้เสียชีวิตลงแล้ว คงไม่สามารถลุกขึ้นมาแก้ต่างให้ตัวเองได้

 

แต่ผลพวงที่ตามมาก็คือ ‘กองทัพบก’ สะเทือน หลัง “บิ๊กแดง”พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.)ยอมรับว่าสาเหตุมาจากไม่ได้รับความเป็นธรรม และผิดสัญญาการซื้อขายที่ดินในค่ายทหาร

โครงการสวัสดิการทหารที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมสวัสดิการทหารบก ถูกตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไปในหลายรูปแบบเพื่อดูแลกำลังพล เช่น สถานที่พัก,บ้านพักรับรอง,โรงแรม,สนามกอล์ฟ,สนามมวย, การปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ,เงินฝากดอกเบี้ยสูง,ร้านค้าสะดวกซื้อ หรือร้านค้าสวัสดิการทหาร หรือ เรียกกันว่า P.X. ฯลฯ  

 

รวมถึงการบริหารจัดการ ก็ขึ้นอยู่กับรูปแบบของแต่ละโครงการ แต่จะมีผู้บังคับบัญชาคอยกำกับดูแลอีกชั้น เช่น การกู้เงินจากออมทรัพย์พิเศษกับกองการออมทรัพย์ กรมสวัสดิการทหารบก หรือ อทบ. เพื่อซื้อที่อยู่อาศัย จะมีขั้นตอนหลักเกณฑ์ไม่ต่างกันมากนักกับจากการกู้เงินกับธนาคารทั่วไป แต่จะถูกออกแบบไว้ให้เกิดความรัดกุมในการปล่อยกู้ โดยกำลังพลแต่ละคนสามารถกู้เงินได้ แต่จะต้องเหลือเงินเดือนหลังจากผ่อนชำระมากกว่า 1 ใน 3 เพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ซึ่งหากไม่มีในระเบียบ ในทุกกองพันจะต้องออกเป็นคำสั่งการดังกล่าว หลังจากนั้นผู้บังคับบัญชา จะต้องพิจารณากลั่นกรองอีกชั้นก่อนเซ็นอนุมัติ

 

แม้ขั้นตอนดูแลโครงการสวัสดิการทหาร จะถูกออกแบบให้รัดกุมแค่ไหน แต่ก็มีช่องว่างให้แสวงหาผลประโยชน์จากบุคคลภายนอกที่มาในคราบของนายหน้า และคุ้นเคยกับทหารในหน่วยนั้น , เครือญาติทหาร, หรือแม้แต่ทหารชั้นผู้น้อยที่ทำตัวเป็นนายหน้าเสียเอง รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติอาจมีนอก-มีใน ทั้งการวิ่งเต้นให้ผู้กู้สามารถกู้ได้เกินวงเงิน การอำนวยความสะดวกให้กู้เงินผ่านการอนุมัติได้เร็วขึ้น

หรือแม้แต่การใช้จ่ายเงินเกินตัวของทหารชั้นผู้น้อย เพราะเอาเข้าจริงๆแล้ว จุดประสงค์หลักการกู้เงินซื้อบ้าน ส่วนใหญ่เพราะต้องการนำเงินส่วนต่างมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แล้วค่อยประกาศขายทีหลัง ตามคำ‘โฆษณาชวนเชื่อ’จาก ‘นายหน้า’ได้บ้านแถมมีเงินใช้ และหากบ้านที่ซื้อไปขายไม่ได้ จะกลายเป็น‘ดินพอกหางหมู’ไปจนเกษียณ

 

นี่เป็นเพียงแค่ตัวอย่างหนึ่งของการหาประโยชน์จากโครงการสวัสดิการทหารที่มีเป็นจำนวนมากและกระจายอยู่ในพื้นที่ 4 กองทัพภาค ถูกถ่ายทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นและจนกลายเป็นปัญหาหมักหมม และกำลังกัดกร่อนความน่าเชื่อถือของทหารที่มีต่อประชาชนอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ด้วยการกระทำของคนไม่กี่กลุ่ม

 

ในวันที่ 17 ก.พ.นี้ “บิ๊กแดง” เตรียมลงนามทำบันทึกเอ็มโอยู เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง เรื่องจำแนกโครงการสวัสดิการ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ สวัสดิการภายใน,สวัสดิการเชิงธุรกิจ,และการใช้ประโยชน์ในที่ราชพัสดุ ตามที่ประกาศไว้จะล้างบางธุรกิจในค่ายทหาร  โดยโครงการสวัสดิการทหารใด ที่มีพลเรือนใช้บริการเกิน 50% จะถูกจัดไว้ในประเภทสวัสดิการเชิงธุรกิจ หมายความว่า รายได้ต้องนำส่งให้กระทรวงการคลัง จากนั้นกระทรวงการคลังก็จะพิจารณาคืนสัดส่วนคืนให้หน่วยใน 2 รูปแบบ อาจจะบริจาคเงินเข้าส่วนกลาง หรือ ลดราคาสินค้า 5 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับร้านค้าสะดวกซื้อ (7-11)และร้านกาแฟอินทนิล ที่เปิดในพื้นกองบัญชาการกองทัพบก และ กองทัพภาคที่ 1 ก็อยู่ในรูปแบบสวัสดิการเชิงธุรกิจ ไปเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ประกอบการ ต้องจ่ายค่าเช่าให้กับกรมธนารักษ์ ขึ้นตรงกับกระทรวงการคลัง โดยมีรูปแบบการจัดเก็บ และจะคืนบางส่วนมาให้กับหน่วยด้วยการลดราคาสินค้า ทำให้กำลังพลได้รับผลประโยชน์เท่าเทียมกัน

 

ในขณะที่โครงการอื่นๆ “บิ๊กแดง” สั่งการให้ 4 กองทัพภาคสำรวจ โครงการสวัสดิการทหาร ที่เข้าข่ายเป็น สวัสดิการเชิงพาณิชย์ ประกอบด้วย สถานที่พักตากอากาศ โรงแรม สนามกอล์ฟ สนามมวยลุมพีนี รามอินทรา รวม 40 แห่ง

 

ในขณะที่อาคารรับรอง1 และ 2 กองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ “บิ๊กแดง” ยกให้เป็นโครงการนำร่อง และจะเปลี่ยนการบริหารจัดการจากเดิมเป็นทหาร ไปอยู่ในเครือ‘ดุสิตธานี’ ภายในเดือนเมษายนนี้ รวมถึงสถานพักฟื้นและพักผ่อน กองทัพบก หรือ สถานตากอากาศบางปู จ.สมุทรปราการ กำลังจะให้เอกชนบริหารเช่นกัน

 

นี่เป็นหลักฐานยืนยันว่า “บิ๊กแดง” มีแนวคิด‘ปฏิรูปกองทัพ’ให้มีความเป็นทหารอาชีพ โดยยึดหลักโปร่งใส สุจริต มาก่อนจะมีเหตุการณ์รุนแรงที่ จ.นครราชสีมา หรือแม้แต่การเปิดเผยข้อมูล รายได้นอกงบประมาณ 1.9 หมื่นล้านบาท ที่มาจากกิจการเข้าข่ายเชิงพาณิชย์ของกองทัพบกของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผ่านเวทีอภิปรายงบประมาณประจำปี 2563 ที่ผ่านมา

 

เพียงแต่ทั้ง 2 เหตุการณ์เป็นตัวเร่งให้ “บิ๊กแดง”ต้องรีบออกมาสะสางปัญหาที่หมักหมมมาอย่างยาวนาน ที่กำลังกัดกร่อนความน่าเชื่อถือของกองทัพ ซึ่งเป็นสถาบันหลักของชาติซึ่งไม่เพียงแต่จะสั่นคลอนเก้าอี้ ‘ผบ.ทบ.’แล้ว   ยังหมายรวมถึงเก้าอี้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในฐานะกำกับดูแล

 

“บิ๊กแดง” กำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้มีความถูกต้อง เพื่อให้ทหารเป็นทหารอาชีพ และหวังให้กองทัพบก ยังคงเป็นเสาหลักของชาติ และเป็นที่เชื่อถือของประชาชน แต่ก็ต้องแลกกับการยอมรับ ว่าการแสวงหาประโยชน์ ความไม่โปร่งใส มีอยู่จริงในกองทัพ ซึ่งเปรียบเสมือน ‘หยิกเล็บเจ็บเนื้อ’เพราะไม่ว่าจะแตะไปตรงไหน ก็เจอแต่‘เพื่อนพ้อง น้อง พี่’ และกำลังพลของตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'บิ๊กแดง' กระซิบ'บิ๊กตู่' ผมต้องล้างบางธุรกิจค่ายทหาร

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ