รายงานพิเศษ จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 8-9 ก.พ.2563
*************************
อดใจรอไม่ไหวแล้วกับศึกซักฟอกที่จะเกิดขึ้นวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ และลงมติวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้
ยิ่งการจัดกองกำลังพิทักษ์รัฐบาลลุงที่จะโดนรุมยำในสภาเห็นแล้วครางฮือ โดยเฉพาะ 2 รายชื่อท้าย เดาล่วงหน้าได้เลยว่าสภาจะคึกคักครึกครื้นขนาดไหน
เริ่มด้วย วิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล, วิเชียร ชวลิต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ, สุชาติ ชมกลิ่น ประธาน ส.ส.ของพรรค, นิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์, ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรายชื่อคนหลังๆ ที่บอกว่าแซบก็คือ ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี และ สิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.
https://www.komchadluek.net/news/scoop/414910
คนไทยนับวันคอยเพราะอั้นมานานจวนระเบิด เพราะนี่คือศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งแรกในรอบ 7 ปี ลุ้นบรรยากาศเก่าๆ ทั้งการเปิดฉากขยี้โดยฝ่ายค้าน และลีลาการปกป้องรัฐบาลโดยองครักษ์หลากหลายที่เคยลุยกันมา
วันนี้มาย้อนรอยภาคสองกับรัฐบาลไทยในยุคแม้ว-มาร์ค-ปู ว่าที่ผ่านมาพวกเขามีกองกำลังพิทักษ์เป็นใครบ้างที่ทำหน้าที่ชนิดสู้แค่ตาย ไว้ลายคนจริง
แม้วคนมีของ
ย้อนกลับไปในช่วงรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร แห่งพรรคไทยรักไทย ถ้าจะกล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่เกิดขึ้นในยุคนั้นต้องบอกว่า กี่ครั้งก็ชนะขาด!
ยุคแรกๆ ทักษิณยังไม่ได้มือดีมาร่วมงานอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาช่วย เพราะตอนนั้นยังอยู่ฝ่ายค้านเป็นหัวหน้าพรรคมวลชน ทำงานประสานกับพรรคประชาธิปัตย์ในศึกซักฟอกประเด็นสนามกอล์ฟอัลไพน์แบบดุเด็ดเผ็ดมัน
แต่ตอนนั้นในสภาช่วงโต้แย้งญัตติอภิปราย ฝ่ายเสี่ยแม้วตัวช่วยเพียบ ทั้งที่เน้นสีสันการประท้วง และที่เน้นสาระอย่าง ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์, สามารถ แก้วมีชัย, วิทยา บุรณศิริ, พายัพ ปั้นเกตุ, อดิศร เพียงเกษ ฯลฯ
ส่วนในการบริหารนโยบายเสี่ยแม้วมีมือดีอย่าง พงศ์เทพ เทพกาญจนา, นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช, นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, สมคิด จาตุศรีพิทักษ์, ภูมิธรรม เวชยชัย ฯลฯ
แต่ในสงครามการเมืองนอกสภาดุเดือดกว่ากันเยอะ โดยเฉพาะที่มีไว้ปกป้องบัลลังก์รัฐบาลนั้น คนไทยรู้ดีว่าในอดีตเสี่ยแม้วมีตัวพ่ออย่าง เนวิน ชิดชอบ และยงยุทธ ติยะไพรัช หรือ ยุทธ ตู้เย็น คอยเป็นไม้เป็นมือให้
ยิ่งเนวินนั้น ต้องบอกว่าเป็น “ขุนพลคนสำคัญ” ของไทยรักไทยช่วงปี 2544-2549 รู้กันว่าเขาได้รับมอบหมายจากนายให้ทำ “งานใหญ่-งานลับ” อยู่เนืองๆ
แอบกระซิบว่าช่วงนั้นคนไทยได้ยินฉายา “หมอผีเขมร” ของเนวิน เพราะเชื่อว่าเป็นผู้แนะนำให้ทักษิณใช้ไสยศาสตร์ในการปกป้องคุ้มครองตัว อัยยะ!
เนวิน ชิดชอบ
จริงเท็จว่ากันไป แต่นิตยสารเนชั่นสุดสัปดาห์เคยกล่าวถึงเนวินและยงยุทธว่าสมัยกระแสล้มทักษิณมาแรง เนวินจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์ทักษิณด้วยการใช้กลุ่มแท็กซี่เป็นแกนนำ ตามมาด้วยกลุ่มคาราวานคนจนจากภาคอีสาน
ส่วนยงยุทธก็นำกำลังรากหญ้าจากเชียงรายในนามกองทัพประชาชนขี่รถอีแต๋นเข้ากรุง เสริมกองทัพป่าไม้หรือเจ้าหน้าที่พิทักษ์อุทยานฯ ที่ระดมมาจากทุกภาค และนำกำลังไปซ่องสุมไว้บนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
ยงยุทธ ติยะไพรัช
แต่แล้วกองกำลังแม้วก็พ่ายแพ้รัฐประหาร ปี 2549 นายใหญ่ต้องกระเจิงไปไกลในต่างแดนมาจนทุกวันนี้ เนวินเองคงไม่ต้องบอกว่าเจออะไรเข้าไป วลี “มันจบแล้วครับนาย” ถึงยังสะเทือนการเมืองไทยไม่รู้จบ
สุดท้ายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าบางครั้งหมอผีก็ไม่ช่วยอะไรและองครักษ์ก็มีหัวใจเหมือนกัน
มาร์คแอนด์เดอะแก๊ง
หลังการเมืองเปลี่ยนผ่าน อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เป็นนายกฯ สมใจนึก ระดับนายกฯ ‘เทพประทาน’ ทั้งที ก็ต้องมีองครักษ์คอยปกป้องกับเขาด้วย
อย่างที่เคยเล่าไปศึกอภิปรายครั้งแรกที่รัฐบาลอภิสิทธิ์เจอคือช่วงเดือนมีนาคม 2552 ตอนนั้นฝ่ายค้านเพื่อไทยมี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง มาทำหน้าที่หัวหมู่ทะลวงฟันลุยไปหลายเรื่อง แต่แม้จะลากมาถึงปี 2553 โดย มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่เผานั่งยางรัฐบาลมาร์คด้วยเพาเวอร์พอยท์ร้อยกว่าแผ่น แต่ผลมติก็จนแล้วจนรอดออกมาว่า “ไว้วางใจ”
แต่ถ้าจะพูดถึงองครักษ์พิทักษ์มาร์ค ต้องบอกว่ามีหลายระดับ ตั้งแต่ระดับรุ่นใหญ่เขี้ยวฝังเพชร มาจนถึงรุ่นเล็กคอยอวย ตบ หยอด ที่ถูกเรียกว่า “แก๊งไอติม”
รุ่นใหญ่เอ่ยชื่อมาปุ๊บต้องขนลุกซู่ เขาคือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ใครสงสัยไปหาคลิปการปราศรัยเลือกตั้ง 2562 ที่กำนันกลั่นใจพูดถึงความหลังในอดีตกับคนชื่อมาร์คก่อนจะทางใครทางมัน แล้วจะรู้
ย้อนกลับไปในวันที่ยังหวานชื่น สุเทพในฐานะของเลขาฯ พรรคประชาธิปัตย์ และรองนายกฯ คอยตอบคำถามเคลียร์ข้อข้องใจต่างๆ แทนนายกฯ ตัวจริงตลอด
สาทิตย์ วงศ์หนองเตย
ช่วงรุ่งเรือง สุเทพรวบอำนาจบริหารพรรคเอาไว้ที่ตนเองเกิดเป็น “แก๊งออฟโฟร์” เวอร์ชั่น ปชป. เก้าอี้รมต.ไปตกที่แกนนำใกล้ชิด เช่น สาทิตย์ วงศ์หนองเตย, วิทยา แก้วภารดัย, ศิริวรรณ ปราศจากศัตรู และ อัญชลี วานิชเทพบุตร
ความเก๋าเกมของส.ส.สุราษฎร์ 10 สมัย นับแต่ปี 2522 มีส่วนอย่างแรงที่ช่วยให้มาร์คฝ่าพายุการเมืองมาได้ อย่างศึกคนเสื้อแดงกับการประกาศใช้พ.ร.ก.แก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ส่วนหนึ่งมาจากพิมพ์เขียวที่สุเทพได้วางไว้ให้
เทพไท เสนพงศ์
พอมาถึงแก๊งไอติม กลุ่มนี้ต้องบอกว่าไม่ได้เป็น “ขาโจ๊ะ” เชียร์นายอย่างเดียว แต่ยังเป็นตัวช่วยสำคัญในสอด-แซะฝ่ายตรงข้ามให้เกมการเมืองพลิกเข้าข้างตนเองอยู่เนืองๆ
แก๊งนี้มี สาทิตย์ วงศ์หนองเตย, เทพไท เสนพงศ์, ศิริโชค โสภา, กอร์ปศักดิ์ สภาวสุ, อิสรา สุนทรวัฒน์ และกรณ์ จาติกวณิช อดีตขุนคลังก็ติดแก๊งไปด้วย
ศิริโชค โสภา และ ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
ยิ่ง ศิริโชค และเทพไท นับเป็นสีสันสายยั่ว เพราะช่วงรัฐบาลมาร์คปิดฉาก สองคนนี้ร่วมกับ ชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต มาในนามสามเกลอจัดรายการ “สายล่อฟ้า” ขย่มรัฐบาลปูจนเกิดเป็นเรื่องราวใหญ่โต
แต่ที่สุดแล้วเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเพื่อลูกพี่แล้ว ลูกแก๊งที่ภักดีสามารถทำได้ทุกอย่าง
คอมมานโดปู
อย่างที่รู้หลังอภิสิทธิ์ตัดสินใจยุบสภาและเลือกตั้งใหม่วันที่ 3 กรกฎาคม 2554 คนไทยได้นายกฯ หญิงคนแรก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ช่วงของนายกฯ ปู ก็มี “แก๊งไอติม” เหมือนกัน ไม่ให้น้อยหน้า ว่ากันว่าคราวนี้เป็นการเรียกโดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง คนในพรรคเดียวกัน ที่พอพ้นจากเก้าอี้รองนายกฯ ไปนั่งว่าการกระทรวงแรงงานแทนก็น้อยใจนิดๆ
วันหนึ่งเขาพูดขึ้นมาว่า “วันนี้มีแก๊งไอติมเต็มทำเนียบกล่าวหาว่าผมไม่ตั้งใจแก้ไขปัญหาภาคใต้” และว่าคนกลุ่มนี้มีอิทธิพลชี้นำการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรีไม่มากก็น้อย
ปรากฏสื่อพากันวิเคราะห์ว่ากลุ่มนี้คือ สุรนันทน์ เวชชาชีวะ, กิตติรัตน์ ณ ระนอง, วราเทพ รัตนากร, นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล, ธีรัตถ์ รัตนเสวี, พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง
แต่ก็นั่นแหละ ถ้าจะพูดถึงองครักษ์พิทักษ์ปูตัวจริงเสียงจริง ก็ต้องวนกลับมาที่คนชื่อเหลิมนั่นแหละ เพราะรายนี้ออกตัวไม่แอ๊บเลยว่าจะขอเป็นโฆษกให้อดีตนายกฯ ทักษิณ
หลายครั้งเราเห็นเฉลิมออกมาโตแย้ง แก้ต่างประเด็นต่างๆ ให้คนแดนไกล ส่วนถามว่าเกี่ยวยังไงกับยิ่งลักษณ์ ตอบเลยเกี่ยวโดยตรงเห็นๆ
พอมาถึงศึกซักฟอกปี 2554 ตอนนั้นข่าวเม้าท์ว่าหญิงปูเตรียมขุนศึกไว้เพียบหลายสิบชีวิตตั้งเป็นชุด “คอมมานโด” แต่เป็ดเหลิมเจ้าเก่าก็ออกมาโต้ว่าไม่จริ๊ง! บอกที่ใช้คำว่าคอมมานโดเป็นเพียงการเปรียบเปรยเชิงสีสันเนื่องจากตนเคยอยู่กองปราบและฝึกคอมมานโดมาก่อน
“คุณยิ่งลักษณ์มีความรู้ความสามารถอยู่แล้วจบปริญญาตรีด้านรัฐศาสตร์ บริหารธุรกิจเป็นแสนล้าน เพียงแต่วันนี้เปลี่ยนจากสนามธุรกิจมาเป็นภาคการเมือง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์คอยช่วยปกป้อง ขอให้พรรคประชาธิปัตย์เตรียมตัวทำหน้าที่ในสภา ส่วนนายกฯ ก็สบายๆ ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัว”
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง
สอดคล้องกับข่าวช่วงนั้นที่ว่าแม้แต่ตัวสาวปูเองซึ่งจะเป็นผู้แถลงภาพรวมของนโยบายต่อรัฐสภา เธอลั่นวาจาว่าจะตอบข้อสงสัยของสมาชิกรัฐสภาในภาพรวมเอง ไม่ให้ใครทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ในสภาเด็ดขาด
สุดท้ายเป็นยังไง เราเห็นกันไปแล้วว่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่าเมื่อถึงคราวเรือหาย นายก็ขอลา...
ครั้นมาถึงจุดนี้ก็ไม่รู้ว่าจากข้างต้นที่ว่ามา รัฐบาลชุดปัจจุบันจะเก็บบทเรียนจากอดีตมาวางแผนการสู้ศึกซักฟอกและสงครามการเมืองงวดนี้ยังไง
แต่ที่แน่ๆ เห็นหน้าค่าตาหน่วยกล้าอาย เอ๊ย “กล้าตาย” แล้ว คนไทยคงมีช่วงเวลาเฮฮาสภาไทยปลายเดือนนี้แน่นอน
*****************************
ข่าวที่เกี่ยวข้อง