คอลัมนิสต์

โปรดละลายพฤติกรรม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โปรดละลายพฤติกรรม บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 25-26 มกราคม 2563

 

 


          แม้จะเคยมีบทเรียนในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ ส.ส.ทำตัวเหมือนเด็กนักเรียนโกงสอบด้วยการเสียบบัตรลงคะแนนเสียงแทนกัน จนถึงขั้นกฎหมายสำคัญมีอันต้องเป็นโมฆะ นั่นคือบรรทัดฐานจากการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถือเป็นเรื่องร้ายแรง ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างกระทำซ้ำรอยเดิม ไม่เฉพาะแต่กฎหมายสำคัญๆ เท่านั้น หากแต่ทุกร่างพระราชบัญญัติที่ผ่านความเห็นชอบด้วยมติเสียงข้างมาก จะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ก่อนบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป จึงต้องเป็นร่างกฎหมายที่ผ่านกระบวนการกลั่นกรองมาอย่างไร้มลทิน แต่บทเรียนนี้ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซ้ำร้าย การเสียบบัตรลงคะแนนของ ส.ส.รัฐบาล กำลังจะเป็นเงื่อนไขซ้ำเติมเศรษฐกิจของชาติอย่างที่รัฐบาลเองก็ยากจะหาทางออก

 

 

          การออกมาเปิดเผยของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่ามี ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล 2 รายไม่อยู่ในห้องประชุมสภาในวันลงมติให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 วาระที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา รายหนึ่งนั้นไปงานวันเด็กในพื้นที่เลือกตั้ง ส่วนอีกรายหนึ่งนั้นอยู่ต่างประเทศ ถูกเรียกขานว่า “สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” เพราะคนที่ถูกระบุว่ากระทำเช่นนั้น ล้วนเป็นสมาชิกในพรรคร่วมรัฐบาล ก็เหมือนกับสนิมที่กำลังกัดเซาะเรือเหล็กตามอุปมาของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี อีกทั้งผู้ที่ออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ก็เป็นแกนนำของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยเช่นกัน ดูๆ ไปก็เหมือนจะกลายเป็น “หอกข้างแคร่” คอยกระทุ้งทิ่มตำเรือเหล็กตามวาระและโอกาสนั่นเอง


          กรณีที่เกิดขึ้นนี้ อาจจะนำมาสู่ความยุ่งยากของการบริหารงานบ้านเมือง หากงบประมาณรายจ่ายต้องล่าช้าไปกว่าเดิมอีกนับเดือน หลังจากที่ล่าช้ามาแล้วหลายเดือนเพราะปัญหาการเมืองทั้งเลือกตั้งและการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลก็ประสบปัญหาการเบิกจ่ายงบประมาณ ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจชะงักงันอยู่แล้ว ยิ่งงบประมาณรายจ่ายปี 2563 ต้องเลื่อนออกไปอีก การแก้ปัญหาเศรษฐกิจก็ยากจะหลีกลี้หนีพ้นอุปสรรค ในท่ามกลางบรรยากาศการลงทุนซึ่งกำลังเผชิญสารพัดปัญหาทั้งความเชื่อมั่นของทุน และเงื่อนไขอื่นๆ ที่กำลังถาโถมโหมกระหน่ำ ไม่ว่าจะเป็นการส่งออกที่ถดถอย การแข็งค่าของเงินบาท ผสมกับวาระจรอื่นๆ ที่กำลังบั่นทอนการท่องเที่ยว อย่างเรื่อง ภาวะฝุ่นพิษ ความตื่นตระหนกกับโคโรนาไวรัสโรคปอดอักเสบ ฯลฯ

 



          สภาพสนิมเกิดแต่เนื้อในตนนั้น เป็นเรื่องที่พูดถึงกันมาตั้งแต่ช่วงตั้งรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ให้พึงระมัดระวัง ในเรื่องพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาลที่จะเป็น “สนิม” กัดกร่อนเสถียรภาพรัฐบาล กรณีที่เกิดขึ้นนั้นย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญว่าจะชี้ออกมาอย่างไร แต่ในส่วนของความเสียหายที่เกิดขึ้น ชัดเจนอยู่ว่ามาจากฝ่ายการเมืองล้วนๆ ซึ่งนอกจากการพิจารณาจัดการโดยพรรคต้นสังกัดแล้ว ในภาพรวม ก็ต้องวิงวอนให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติทั้งหลายพึงตั้งมั่นอยู่ในจริยธรรม และผลประโยชน์ของชาติบ้านเมือง ละลายพฤติกรรมในอดีตที่นับวันจะทำให้ประชาชนเบื่อหน่ายส่ายหน้า เพราะถึงอย่างไร การปกครองตามระบอบประชาธิปไตย ก็ต้องประกอบกิจกรรมผ่านรัฐสภา อันเป็นสถาบันสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติที่สมาชิกทุกคนพึงรักษาไว้โดยสุจริต


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ