ชัดเจนแล้วว่า 'กรณ์' ตัดสินใจตั้งพรรคใหม่ เฟ้นหาคนหน้าใหม่ทางการเมือง มาช่วยเปลี่ยนแปลงประเทศ แต่เส้นทางสายใหม่ที่เขาเลือก ช่างท้าทายยิ่ง
14 ม.ค.2563. กลุ่ม ส.ส.และอดีตส.ส. รวมถึงบรรดาแฟนคลับกลุ่มใกล้ชิดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ร่วมจัดงานเลี้ยงปีใหม่ให้นายอภิสิทธิ์ โดยมีคนเข้าร่วมกว่า50 คน
หนึ่งในนั้นมีนายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์และอดีตรมว.คลัง รวมอยู่ด้วย
ในงานเลี้ยง “กรณ์”ได้บอกกับส.ส.ที่มาร่วมงานถึงการตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ โดยจะมีการยื่นหนังสือลาออกในวันรุ่งขึ้น ( 15 ม.ค. 2563)
พร้อมกับขึ้นไปร้องเพลง“รักเธอเสมอ” ซึ่งเหมือนกับการประกาศลาออกของนายกรณ์ ที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มาตั้งแต่ปี 2548 นานถึง 15 ปี สะเทือนความรู้สึกผู้อยู่ในงาน
โดยในบางช่วงนายกรณ์ถึงกับหลั่งน้ำตาทำให้เพื่อน ส.ส.หลายคนได้ร้องไห้ตามไปด้วยเมื่อร้องจบเพลง นายกรณ์ ได้เข้าสวมกอดนายอภิสิทธิ์ ที่เดินไปให้กำลังใจ
โพสต์เฟซบุ๊ก อำลาพรรคประชาธิปัตย์
ถัดมา 1 วัน 15 ม.ค. 2563 กรณ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
ขอบคุณพรรคประชาธิปัตย์
ผมทำงานภาคเอกชนสายการเงินอยู่เกือบ 20 ปี ตำแหน่งสุดท้ายคือประธานธนาคาร JP Morgan (ประเทศไทย) ผมลาออกตอนอายุ 39 เพื่อมาสมัครเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรในสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกตอนนั้นก็เพราะอิ่มตัวกับการทำงานหาเงินสร้างเนื้อสร้างตัว และอยากจะหันมาทำงานรับใช้บ้านเมือง
พรรคประชาธิปัตย์ได้ให้โอกาสผมตลอดมา โดยที่โอกาสสำคัญที่สุดคือ การเป็นรัฐมนตรีคลังในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่ง และด้วยเหตุนี้ความผูกพันที่ผมมีกับพรรค และเพื่อนร่วมพรรคจึงเป็นสิ่งที่จะอยู่กับผมตลอดไป.เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้ร่วมพิจารณาอนุมัติงบประมาณแผ่นดินจนเสร็จเรียบร้อย ซึ่งหมายความว่ารัฐบาลสามารถเดินหน้าได้เต็มที่ในการขับเคลื่อนนโยบายของพรรคที่ผมได้ช่วยร่างไว้ในฐานะ (อดีต) ประธานนโยบาย ผมจึงคิดว่าผมได้ทำภารกิจที่พรรคได้มอบหมายไว้จนครบถ้วนหมดแล้ว ผมจึงได้ยื่นใบลาออกตามที่ตั้งใจไว้
สาเหตุลาออก
น่าจะมาจากการที่นายกรณ์ ถูกลดบทบาทความสำคัญในพรรคประชาธิปัตย์ลง หลังจากคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่เข้ามา ก็ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพรรคซึ่งรวมถึงทีมงานทางด้านเศรษฐกิจ มีการตั้งทีม‘อเวนเจอร์’ นำโดยนายปริญญ์ พานิชภักดิ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ทั้งที่สมัยที่ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค กรณ์ เป็นถึง อดีต รมว.คลัง และเป็นรองหัวหน้าพรรค แต่ในยุคนี้ กรณ์ เป็นเพียง ส.ส. ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่มีตำแหน่งบริหารในพรรคประชาธิปัตย์ แถมไม่มีตำแหน่งใดๆในทีมเศรษฐกิจของพรรคอีกด้วย
อีกทั้งแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มไม่สอดคล้องกับแนวคิดของ กรณ์ มากขึ้นเลยๆ
ดังนั้นตั้งแต่มีนาคม 2562 กรณ์ จึงตกเป็นข่าวว่ามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งรวมถึงการตั้ง "พรรคการเมืองใหม่" ด้วย
เส้นทางสายใหม่ที่ท้าทาย
“ผมมีความฝัน ที่อยากจะสร้างการเมืองแห่งความเปลี่ยนแปลง การเมืองที่กล้าคิด กล้าทำ มีความรอบคอบแต่ไร้ความกลัว มีความเด็ดเดี่ยวแต่มีคุณธรรม เป็นการเมืองที่จะชวนผู้คนในสังคมไทยที่มีศักยภาพ มาร่วมกันออกแบบและขับเคลื่อนประเทศไทยไปด้วยกัน เป็นการเมืองที่มีเป้าหมายเปลี่ยนแปลงประเทศในหลากหลายมิติ ด้วยความเชื่อว่าหากเราไม่กล้าเปลี่ยน ไม่กล้าท้าทายตัวเอง คนไทยจะลำบาก เพราะเราจะแข่งขันไม่ได้ ”เป็นข้อความที่กรณ์ โพสต์เฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 15 ม.ค.2563
“รวมพลคนมีของ”
“กรณ์”เปิดใจผ่านรายการคมชัดลึกออกอากาศทางเนชั่นทีวี ช่อง22 เมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมาว่า ในขณะนี้ถือเป็นการเริ่มต้นสู่การตั้งพรรคการเมืองอย่างแน่นอนแล้ว ความตั้งใจคือ การ "รวมพลคนมีของ” ที่ประสบความสำเร็จในด้านใดด้านหนึ่งหรือมีของในด้านความคิด ความตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศเพื่อรองรับการปรับตัวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลง ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีความจริงๆในแต่ละเรื่อง
กรณ์ ยังกล่าวย้ำว่า พรรคไม่มียุทธศาสตร์ในการทาบทาม ส.ส.ที่แตกจากการยุบพรรค หรือรวมตัวอดีตส.ส.จากพรรคใดพรรคหนึ่ง เพราะมีความตั้งใจที่จะสร้างพรรคใหม่ ที่ใหม่จริงๆ สัดส่วนส่วนใหญ่ของสมาชิกไม่ควรที่จะมีอดีตส.ส.ในจำนวนที่มากเกินไป แต่ควรจะมีประชาชนคนธรรมดา หรือผู้รู้ผู้ที่มีศักยภาพมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้แก่ประเทศ
“ผมขอถือโอกาสนี้ที่จะเชิญชวนให้ทุกคนมาทำงานร่วมกัน ไม่ว่าอาชีพใดก็แล้วแต่ที่มีความรู้สึกอึดอัดกับทิศทางของประเทศ อยากเข้ามามีส่วนในการช่วยแก้ปัญหาของประเทศเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ให้พี่น้องประชาชนขอให้ติดต่อมา”
ผู้ร่วมก่อตั้งพรรค
ที่ชัดเจนแล้วเริ่มจากกรณ์ จาติกวณิช กับ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กรุงเทพ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ลาออกจากพรรค คล้อยหลัง “กรณ์”เพียง 1 วัน มาร่วมจัดตั้งพรรคใหม่กับ“กรณ์”
ส่วนอีกคนที่ตามข่าวว่าจะมาร่วมด้วย คือ ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ หรือ โจ แอร์เอเชีย อดีตซีอีโอสายการบินแอร์เอเชีย
ส่วนชื่อพรรคที่จะตั้งใหม่ยังไม่เป็นที่ยุติ มีการเอ่ยถึงชื่อ “พรรคขับเคลื่อนไทย” ( Thai Move Party) บ้าง ,พรรค Go Thailand บ้าง
โดยล่าสุด กรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เชิญชวนคนไทยทุกคนให้ช่วยกันตั้งชื่อพรรค
โดยบอก DNA ของพรรคที่จะตั้งขึ้นว่า มี 3 ข้อ
1-Startup ต้องกล้าคิด กล้าลุย พร้อมเปลี่ยนแปลง แต่รอบคอบ
2-ปฏิบัตินิยม มุ่งทำงาน ลงมือจริง พูดแต่ในสิ่งที่จะทำ
3-Global Mindset ไทยเข้าใจ-ทัดเทียม-เท่าทันโลก
แต่ที่แน่ๆธีมของพรรค คือ ประเทศไทยจะต้องเดินไปข้างหน้า การเมืองต้องดีกว่าเดิม ไม่เป็นคู่ขัดแย้ง เป็นพรรคการเมืองที่ระดมคนจากทุกภาคส่วนมาร่วมกันสร้างชาติ โดย 80 % เป็นคนใหม่ไม่เคยมีชื่อทางการเมือง เช่น เป็นพวกปราชญ์ชุมชน, ผู้นำทางเทคโนโลยี เป็นคนรุ่นใหม่ที่กล้าคิดกล้าทำ
อย่างไรก็ตามในความเป็นจริงบนถนนการเมืองไทย การแจ้งเกิดของพรรคการเมืองใหม่ที่ประสบผลสำเร็จ ไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งเป็นพรรคการเมือง ที่คนส่วนใหญ่ในพรรคเป็นคนหน้าใหม่ทางการเมืองด้วยแล้ว หาก “สายป่านไม่ยาว ” “ทุนไม่หนา” ต้องพังพาบ เลิกพรรคไปก็เห็นมานักต่อนัก
เส้นทางสายใหม่ที่‘กรณ์’ เลือกแล้ว จึงเป็นสิ่งท้าทายเป็นอย่างยิ่ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง