คอลัมนิสต์

ฟ้องค่าเสียหายรถตกหลุมไม่ใช่ฟ้องเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะรถตกหลุม : มิใช่การฟ้องเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ คอลัมน์...  เรื่องน่ารู้วันนี้..กับคดีปกครอง  โดย... นายปกครอง

 

 


          อุทาหรณ์จากคดีปกครองในวันนี้...เป็นเรื่องที่หลายๆ คนน่าจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการขับรถแล้วเจอสภาพถนนที่เป็นหลุมเป็นบ่อ หากโชคร้ายเกิดอุบัติเหตุขณะที่ขับขี่ผ่านเส้นทางที่มีความชำรุดบกพร่องดังกล่าว ก็อาจได้รับบาดเจ็บหรือรถเสียหาย ซึ่งผู้ขับขี่หรือผู้เสียหายมีสิทธิร้องขอต่อหน่วยงานที่มีหน้าที่ดูแลรักษาถนนเส้นดังกล่าวหรือยื่นฟ้องคดีต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายได้ โดยยื่นฟ้องเป็นกรณี

 

 

          การกระทำละเมิดอันเกิดจากการละเลยหรือล่าช้าต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ อันเป็นคดีพิพาทที่อยู่ในอำนาจพิจารณาของศาลปกครองตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (3) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542


          สำหรับระยะเวลาการยื่นฟ้องคดีประเภทดังกล่าวจะต้องยื่นฟ้องภายในระยะเวลา 1 ปีนับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดี แต่ไม่เกิน 10 ปีนับแต่วันที่มีเหตุแห่งการฟ้องคดี ทั้งนี้ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน ซึ่งระยะเวลาการฟ้องคดีกรณีดังกล่าวเป็นประเด็นที่เราจะคุยกันในวันนี้ครับ !


          โดยคดีพิพาทเรื่องนี้เหตุสืบเนื่องจาก...ผู้ฟ้องคดีได้รับอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์


          ในเวลาสามทุ่มกว่า โดยขณะขับขี่ไม่มีไฟส่องทางและได้ตกหลุมขนาดใหญ่ 2 หลุม และรถได้เสียหลักไปชนกับรถคันอื่น ซึ่งผู้ฟ้องคดีเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสต้องรักษาตัวเป็นเวลานาน ปัจจุบันยังไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ รวมทั้งยังต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่บุคคลที่ตนขับรถไปชนด้วย จึงฟ้องเรียกค่าเสียหายจากองค์การบริหารส่วนตำบลซึ่งมีหน้าที่ดูแลรักษาถนนสายดังกล่าวต่อศาลปกครอง

 

          คดีนี้ศาลปกครองชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาเนื่องจากเป็นการยื่นฟ้อง เมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาการฟ้องคดีตามมาตรา 51 แล้ว ผู้ฟ้องคดีจึงยื่นอุทธรณ์โดยเห็นว่าถนนที่เกิดเหตุเป็นเส้นทางสายหลักซึ่งผู้คนในตำบลต้องใช้ในการสัญจร และปัจจุบันยังเป็นหลุมเป็นบ่อ ไม่ได้รับการดูแล จึงเป็นการฟ้องคดีที่เกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะและเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม หรือเป็นกรณีที่ถือว่า





          มีเหตุจำเป็นอื่นเนื่องจากผู้ฟ้องคดีเจ็บป่วยจนไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกติ จึงไม่อาจฟ้องคดีได้ทันเวลา อันเป็นข้อยกเว้นที่ศาลสามารถรับคำฟ้องไว้พิจารณาได้ตามมาตรา 52 แม้จะพ้นเวลาการฟ้องคดีแล้ว


          คดีมีประเด็นที่น่าสนใจว่าการฟ้องคดีกรณีดังกล่าว...เป็นการฟ้องคดีเกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะหรือเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวมที่จะยื่นฟ้องคดีเมื่อใดก็ได้ หรือไม่ ?


          ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นคนในพื้นที่จึงควรจะรู้ว่าผู้ถูกฟ้องคดีมีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบบำรุงรักษาถนนที่ชำรุดตั้งแต่วันที่เกิดเหตุแล้ว ผู้ฟ้องคดีชอบที่จะยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองชั้นต้นภายใน 1 ปีนับแต่วันที่เกิดเหตุ การที่ผู้ฟ้องคดียื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองชั้นต้นทางไปรษณีย์ลงทะเบียนเมื่อพ้นกำหนดเวลาดังกล่าว จึงเป็นการฟ้องคดีที่ไม่เป็นไปตามมาตรา 51


          อย่างไรก็ตาม...ผู้ฟ้องคดีได้อ้างว่าคดีดังกล่าวเป็นการฟ้องเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะและเป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม ซึ่งมาตรา 3 ได้นิยามคำว่า “ประโยชน์แก่ส่วนรวม” หมายความว่า ประโยชน์ต่อสาธารณะหรือประโยชน์อันเกิดแก่การจัดทำบริการสาธารณะหรือการจัดให้มีสิ่งสาธารณูปโภค หรือประโยชน์อื่นใดที่เกิดจากการดำเนินการหรือการกระทำที่มีลักษณะเป็นการส่งเสริม หรือสนับสนุนแก่ประชาชนเป็นส่วนรวม หรือประชาชนส่วนรวมจะได้รับประโยชน์จากการดำเนินการหรือการกระทำนั้น”


          ฉะนั้นการจะพิจารณาว่ากรณีใดจะเป็นการฟ้องคดีเพื่อประโยชน์แก่ส่วนรวมหรือไม่จะต้องพิจารณาจากผลที่เกิดจากคำพิพากษาของศาลว่าจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะหรือประโยชน์อันเกิดแก่การจัดทำบริการสาธารณะหรือประโยชน์แก่ประชาชนโดยส่วนรวมโดยตรงและอย่างแท้จริงหรือไม่ เป็นสำคัญ


          โดยผลแห่งคำพิพากษาตามคำฟ้องในคดีนี้ เป็นการฟ้องขอให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่


          ผู้ฟ้องคดี หากคำพิพากษาจะก่อประโยชน์ก็คงเป็นประโยชน์แก่ผู้ฟ้องคดีให้ได้รับชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเท่านั้น มิได้ก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนโดยส่วนรวมโดยตรงและอย่างแท้จริง อีกทั้งวัตถุประสงค์ในการฟ้องคดีนี้ก็มิได้เป็นการฟ้องคดีเกี่ยวกับการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะแต่อย่างใด ส่วนกรณีที่ผู้ฟ้องคดีกล่าวอ้างว่าเจ็บป่วยจนไม่สามารถเดินหรือเคลื่อนไหวได้ตามปกตินั้น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นเหตุจำเป็นอื่นที่เป็นอุปสรรคขัดขวางจนทำให้ไม่อาจยื่นคำฟ้องภายในระยะเวลาการฟ้องคดีตามที่กฎหมายกำหนดได้ เนื่องจากผู้ฟ้องคดีอาจมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินคดีแทนได้ จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา (คำสั่งศาลปกครองสูงสุดที่ คผ. 147/2562)


          คำพิพากษาในคดีดังกล่าว...นับว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำละเมิดอันเกิดจากการปฏิบัติหน้าที่หรือจากการละเลยหรือล่าช้าในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งจะต้องใช้สิทธิยื่นฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ ทั้งนี้การฟ้องคดีเพื่อเรียกค่าเสียหายให้แก่ตนไม่ถือว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์สาธารณะและมิได้เป็นประโยชน์แก่ส่วนรวม จึงมิใช่กรณีที่จะยื่นฟ้องคดีเมื่อใดก็ได้ตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นข้อยกเว้นครับ...


          (ปรึกษาคดีปกครองได้ที่สายด่วนศาลปกครอง 1355 และสืบค้นเรื่องอื่นๆ ได้จาก www.admincourt.go.th เมนูวิชาการ เมนูย่อยอุทาหรณ์จากคดีปกครอง)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ