คอลัมนิสต์

ชวน กระตุ้นสภาสร้างผลงาน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชวน กระตุ้นสภาสร้างผลงาน คอลัมน์... เกาะขอบรั้วสภา เนชั่นสุดสัปดาห์

 

 


          ใกล้ครบ 1 ปีของสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 ที่มี ‘ชวน หลีกภัย’ เป็นประธานสภา มองด้านหนึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าผลงานของสภาในด้านนิติบัญญัติชุดนี้ยังมีไม่มากนัก ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะฝ่ายรัฐบาลยังไม่ค่อยทยอยส่งร่างพระราชบัญญัติเข้าสภาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ครั้น ส.ส.จะเสนอร่างกฎหมายก็มาเจอทางตันตามรัฐธรรมนูญมาตรา 44 อีก โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเสนอร่างกฎหมายต้องผ่านการสำรวจความคิดเห็น วิเคราะห์และประเมินผลกระทบอย่างรอบด้าน

 

 

          สุดท้ายปัญหาก็กระทบทั้งสภา เมื่อรัฐบาลไม่ส่งร่างกฎหมาย ส.ส.เสนอไปก็ลำบาก ทำให้องค์กรท้ายน้ำอย่างวุฒิสภาไม่มีผลงานด้านการกลั่นกรองกฎหมายไปด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่าสภาชุดนี้จะอยู่ไปได้นานเท่าไร เพราะความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลก็เต็มไปหมด ด้วยเหตุนี้เองประธานสภาจึงพยายามเร้าให้ฝ่ายบริหารเร่งพิจารณาเสนอกฎหมายเข้ามายังสภาในช่วงปีหน้า โดยหวังจะเห็นผลงานด้านกฎหมายของสภาบ้างก่อนเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง และเพื่อไม่ให้สภามีแต่ภาพของความขัดแย้งทางการเมืองเพียงอย่างเดียว


          ภารกิจด้านการต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองของประธานรัฐสภาไทยยังมีให้เห็นเป็นระยะ โดยเมื่อไม่นานมานี้ เพิ่งให้การรับรอง นายฟรังซิชกู เด อัสซิช มูไรช์ เอ คูญา วาซ ปัตตู เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกสประจำประเทศไทย เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสการดำรงตำแหน่งของประธานรัฐสภาและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ


          ทั้งนี้ ประธานรัฐสภา กล่าวต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐโปรตุเกส และกล่าวชื่นชมวัฒนธรรมด้านอาหารของสาธารณรัฐโปรตุเกสที่เป็นต้นแบบอาหารหวานของไทยมาอย่างยาวนาน ซึ่งสาธารณรัฐโปรตุเกสเป็นชาติตะวันตกชาติแรกที่เริ่มเข้ามาติดต่อกับไทยในสมัยกรุงศรีอยุธยา และในปี 2562 เป็นปีที่ไทยกับสาธารณรัฐโปรตุเกส ครบรอบความสัมพันธ์ 508 ปี จึงเป็นประเทศยุโรปที่มีความสัมพันธ์กับไทยมาอย่างยาวนาน อีกทั้งยังกล่าวชื่นชมเอกอัครราชทูตในฐานะที่เป็นประเทศกัลยาณมิตรที่ยืนยาวที่สุดในโลก เห็นได้จากหมู่บ้านโปรตุเกสใน จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นหลักฐานยืนยันถึงความสัมพันธ์อันดีที่ยาวนานของทั้งสองประเทศ




          มาติดตามการทำงานช่วงโค้งสุดท้ายของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 โดยเพิ่งได้เข้าไปตรวจสอบศาลยุติธรรมใน​โครงการระบบสารสนเทศ​สำนวนคดีศาลชั้นต้น​ ระยะที่​ 3​ ประเภทรายจ่ายลงทุน​ มูลค่า ​160 ล้านบาท พบว่า​มีการลงมติอนุมัติ​แผนการใช้จ่ายเงินค่าธรรมเนียม​ศาลเพื่อเสริมงบประมาณ​ ประจำปีงบประมาณ​ พ.ศ.​2561 เพิ่มเติม​


          นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบ​ข้อมูลยัง​พบอีกว่า​ เป็นงบรายจ่าย​ลงทุน​หลายรายการ​ ทำให้คณะ​ กมธ.​ ต้องติดตามเพิ่มเติมต่อไปว่าเงินค่าธรรมเนียม​ศาลซึ่งควรถือเป็นเงินนอกงบประมาณ​นั้น​ มีที่มาที่ไปอย่างไร​ และมีการใช้จ่ายแต่ละปีเท่าใด​ เพราะข้อมูล​เงินนอกงบประมาณ​เป็นกรณีที่​ กมธ.​หลายท่านสนใจติดตามและทวงถามมาโดยตลอด​ แต่ไม่เคยได้รับข้อมูลเชิงลึกจากหน่วยงานต่างๆ​ แต่อย่างใด จึงได้ประสานให้ศาลยุติธรรม​ส่งข้อมูลค่าธรรมเนียม​ศาล​ โดยเฉพาะ​ในส่วนที่เป็นงบรายจ่ายลงทุน​ ตั้งแต่​ 1 ตุลาคม 2559 จนถึง​30 พฤศจิกายน ​2562 มาพิจารณา​เพิ่มเติมต่อไป​


          ขณะที่ การทำงานของวุฒิสภาก็มีหลายภารกิจน่าสนใจ เช่น คณะกรรมาธิการการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม วุฒิสภา ที่มี พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ประธานคณะกรรมาธิการ ซึ่งได้ตรวจสอบการประมูลคลื่นความถี่ 5G ย่าน 700 MHz 1800 MHz 2600 MHz และ 26 GHz คณะกรรมาธิการ ได้แต่งตั้งอนุกรรมาธิการ เพื่อพิจารณาศึกษา และจัดทำสรุปข้อเสนอความคิดเห็นที่ได้จากการสัมมนาส่งให้ กสทช. เพื่อดำเนินการแก้ไขต่อไป


          สำหรับข้อเสนอของคณะกรรมาธิการมีสาระสำคัญ คือ การเสนอให้การกำหนดหลักเกณฑ์การประมูลต้องคำนึงถึงกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยตรงในการให้ใบอนุญาตคลื่นความถี่ 5G ทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 ที่สำคัญ กสทช.ไม่ควรตัดสินให้ใบอนุญาตด้วยจำนวนเงินประมูลสูงสุด แต่เพียงอย่างเดียว

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ