ชะตา..สองพรรคหลักฝ่ายค้าน คอลัมน์... จี้จุดตาย..คลายจุดเป็น โดย... เร้นกาย ไร้เงา
วันนี้ไฮไลท์ข่าวการเมืองส่วนหนึ่งน่าจะอยู่ที่ถนนแจ้งวัฒนะ เพราะ กกต.น่าจะวินิจฉัยเรื่อง "คุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ขอนแก่น เขต 7” ของพรรคเพื่อไทยคือ "ธนิก มาสีพิทักษ์” ว่าจะลงสมัครเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ได้หรือไม่ เพราะธนิกมีชื่อใน "บัญชีผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” พรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว
เกมนี้พรรคเพื่อไทยแข่งขันโดยตรงกับพรรคพลังประชารัฐที่ส่ง "สมศักดิ์ คุณเงิน” ลงประชัน โดยทั้งสองพรรคหวังว่า "หนึ่งเก้าอี้ส.ส.” ในเขตนี้จะเพิ่มกำลังพลให้ขั้วตัวเองเพื่อมาเป็นกองกำลังต่อสู้ทางการเมืองกับขั้วตรงข้ามในกาลข้างหน้า หากพรรคใดพรรคหนึ่งปักธงในเขตนี้ได้ความอุ่นใจจะมีเพิ่มขึ้นไม่น้อย...
เพราะตอนนี้พรรคพลังประชารัฐในฐานะแกนนำตั้งรัฐบาล ต้องแก้เกมเพิ่มจำนวนเสียงปริ่มน้ำให้หายไป เนื่องจากยังมีศึกใหญ่หลายเรื่องรออยู่ในวันข้างหน้า ดังนั้นหนึ่งเสียงส.ส.จึงมีความหมายยิ่ง เพราะกระแสข่าวการเมืองช่วงนี้เริ่มปล่อยของออกมาแล้วว่า บางพรรคร่วมรัฐบาลที่ดื้อนั้น อาจชะตาขาดหากว่าการดีลส.ส.ขั้วตรงข้าม จากผู้แทนฯ งูเห่ากินกล้วย, ส.ส.ฝากเลี้ยง, การแบไต๋พร้อมร่วมงานกับครม.ของพรรคเศรษฐกิจใหม่, การจ่อทาบทามคนการเมืองจากพรรคสีส้มที่มีวาระร้อนโดนยุบพรรคมาร่วมขึ้นเรือเหล็ก ดังนั้นหากดีลข้างต้นสำเร็จแล้วนั้น "เด็กดื้อบนเรือเหล็ก” ก็มิควรร่วมล่องนาวากันต่อในยามหน้า...
ฉะนั้นการวางรากฐานของตัวเองให้แน่นก่อนนั้น “พปชร.” จึงต้องเร่งสร้างก่อนที่จะหวังคะแนนขั้วตรงข้ามให้สวิงมาแตะมือ
ดังนั้นการวินิจฉัยของกกต.ในกรณีขอนแก่น เขต 7 ไม่ว่าออกมามุมลบหรือมุมบวก ประเมินแล้วว่าทั้งสองขั้วต่างมีแผนสำรองไว้ ซึ่งขั้วรัฐบาลนั้นหวังว่าธนิกน่าจะหลุดจากการแข่งขันเพราะ "คุณสมบัติ” และจะทำให้การชิงแต้มของพปชร.สะดวกขึ้น ส่วนขั้วฝ่ายค้านมองว่าหากเกิดอุบัติเหตุจริงกับธนิก ทางผู้สมัครส.ส.จากพรรคเสรีรวมไทยน่าจะเป็นปัจจัยสำรองที่เบิกใช้ได้ทันที คล้ายกับยามที่พรรคไทยรักษาชาติถูกคำสั่งยุบพรรคจากศาลรัฐธรรมนูญ จนหลายคะแนนเสียงที่พรรคร่วมสาแหรกชินวัตรตระเตรียมไว้เหวี่ยงไปให้พรรคอนาคตใหม่ได้รับส้มหล่นในหลายเขตเลือกตั้ง
อีกเรื่องหนึ่งคือ “การพิจารณาของกกต.กรณีการกู้เงินของพรรคอนาคตใหม่” โดยพรรคสีส้มกู้เงินจากหัวหน้าพรรค "ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” 191 ล้านบาท เพราะกฎหมายห้ามไว้ชัดว่าห้ามพรรคกู้เงินจากบุคคลอื่นเนื่องจากผู้ให้กู้อาจมีอิทธิพลต่อการบริหารพรรคนั้นๆ ได้
กรณีนี้ “พรรณิการ์ วานิช” โฆษกพรรคสีส้มออกมาตีปลาหน้าไซ เปิด “เอกสารลับ กกต.” ที่ส่อเค้าว่า มีการตั้งธงเอาผิดกับหัวหน้าพรรคไว้ล่วงหน้าแล้ว การเปิดฉากเรื่องนี้ของพรรคสีส้มนั้น ประเมินแล้วเพื่อโต้กลับกกต.และปลุกกระแสการรับรู้ของสังคมว่า บางองค์กรในระบอบประชาธิปไตยยามนี้ยังสนองและรับใช้อดีตแม่ทัพนายกองบางชีวิตที่กระโจนเข้าเวทีการเมือง และต้องการให้ชื่อ "อนค.” สลายไปจากสารบบ
เรื่องราวของพรรคสีส้ม หากมองตามเนื้อผ้าแล้ว หลายวาระที่บังเกิดเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อร้ายแรงของคนใน อนค.เอง เพราะขุนพลของ อนค.น่าจะรู้ตัวว่า การเป็นสายล่อฟ้าทางการเมืองนั้น อย่างไรเสียขั้วตรงข้ามย่อมที่จะหาช่องทางเล่นงานให้ได้ไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่ง เพราะงานการเมืองบนสนามใหญ่นั้น มิใช่ของเล่นที่จะนอนใจได้แม้เพียงชั่ววินาที...
ในอดีตที่ผ่านมา การยืนเด่นโดยท้าทายของพรรคไทยรักไทย, พรรคพลังประชาชน หรือแม้แต่พรรคเพื่อไทยครั้งนารีขี่ม้าขาวนำทัพนั้น...ก็ยังมีช่องโหว่ที่ขั้วตรงข้ามสรรหาจะดำเนินการทางกฎหมายและทำให้สถานภาพความเป็นพรรคอันดับหนึ่งต้องมลายไป เพราะความมั่นใจในหลายเรื่องของคีย์แมนตัวจริงที่บงการพรรค
เกมการเมืองแบบนี้ ระดับเซียนเหยียบเมฆจากขั้วเชียร์นายใหญ่จากแดนไกลยังตกม้าตายได้...แล้วละอ่อนการเมืองจากค่ายสีส้มจะไปรอดหรือ...
เรื่องราวของสองพรรคหลัก “ขั้วต้านลุงตู่” น่าจะมีภาคต่อไปให้ติดตาม แม้จะมีการวางเกมคร่าวๆ ไว้แล้วจากบรรดาคีย์แมนขั้วต้านลุงตู่ แต่สถานการณ์ต้องประเมินรายวันและรายสัปดาห์ว่ารอยร้าวในพรรคร่วมฝ่ายค้านจะมีอะไรโผล่ขึ้นมาอีก เพราะแว่วมาว่าตอนนี้ 7 พรรคฝ่ายค้านยังไม่มีหมัดน็อกในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.เลย รวมทั้งความหมางใจจากผลของการกระทำจากส.ส.ฝ่ายค้านในการลงมติสวนแนวทางพรรคครั้งล่าสุดนั้น มันคือรอยแผลในใจใหม่ที่บังเกิดขึ้น แม้จะมีการประณามขั้วตรงข้ามว่าใช้วิธีใต้ดินในการทาบทามส.ส.ขั้วฝ่ายค้าน
แต่...การเมืองคือการเมือง กลยุทธ์ใดๆ ที่มิขัดต่อหลักกฎหมาย แม้จะดูไม่สวยงามในสายตาสังคมนั้น ขั้วตรงข้ามสามารถงัดมาใช้ได้เสมอเพียงเพื่อได้ในสิ่งที่หวัง
เรื่องราวแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาหลายครั้งตามบันทึกประวัติศาสตร์การเมืองไทย รวมทั้งจะยังคงปรากฏต่อไปอีกในยามหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง