คอลัมนิสต์

ก.ม.อากาศสะอาด ต้องมี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ก.ม.อากาศสะอาด ต้องมี บทบรรณาธิการ นสพ.คมชัดลึก ฉบับวันพุธที่ 11 ธันวาคม 2562

 

 


          สภาหอการค้าแห่งประเทศไทยได้จัดสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 37 เมื่อต้นเดือนธันวาคม ที่ จ.ลำปาง โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันที่จะผลักดันร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด เพื่อให้ไทยมีอากาศที่สะอาดเพราะหากยังมีฝุ่นจิ๋วหรือมลภาวะทางอากาศอยู่จะกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน รวมทั้งผลกระทบการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจได้ ซึ่งมีผลสำรวจทางวิชาการระบุว่าปัญหาฝุ่นพิษกระทบต่อเศรษฐกิจใน 10 จังหวัดภาคเหนือ ปีละไม่ต่ำกว่า 163,313 ล้านบาท โดยได้ยกร่างกฎหมายดังกล่าวแล้ว พร้อมกันนี้เสนอรัฐบาลให้จัดตั้งหน่วยงานใหม่มาดูแลปัญหาทางอากาศโดยเฉพาะเพื่อให้กำหนดมาตรการดูแลต่างๆ ได้ทันท่วงที คาดว่าภายในต้นปีหน้ากระบวนการพิจารณาร่างกฎหมายจะแล้วเสร็จ ซึ่งเตรียมล่ารายชื่อประชาชนไม่ต่ำกว่า 10,000 รายชื่อเพื่อผลักดันให้สภาดำเนินการต่อไป

 

 

 

 

          สำหรับสาระของร่าง พ.ร.บ.อากาศสะอาด มีรายละเอียดคร่าวๆ เช่น มีองค์กรดูแลและควบคุมมลพิษทางอากาศทั้งของภาคอุตสาหกรรม, ภาคเกษตรกรรม และการขนส่ง พร้อมทั้งให้แต่ละจังหวัดแต่งตั้งองค์กรขึ้นมาดูแลเรื่องปัญหาสภาพอากาศด้วยเพื่อความเข้มงวดในการควบคุมรวมถึงเจรจากับต่างประเทศกรณีที่เผาป่าหรือไฟไหม้จนมีหมอกควันเข้ามาในไทย รวมถึงมีบทลงโทษด้วย ซึ่งร่างกฎหมายนี้ทางหอการค้า 17 จังหวัดภาคเหนือได้ร่วมกันศึกษาและมอบให้มหาวิทยาลัยต่างๆ ในพื้นที่ช่วยกันศึกษากฎหมายสิ่งแวดล้อมของต่างประเทศและนำมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับเมืองไทย รวมทั้งการนำร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวออกไปเปิดเวทีสาธารณะแสดงความคิดเห็น เพราะปัญหาด้านมลพิษไม่เพียงกระทบธุรกิจและการท่องเที่ยว แต่ที่สำคัญคือส่งผลต่อสุขภาพของประชาชนโดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่างมากด้วย


          ปัจจุบันรัฐบาลได้เห็นชอบแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติในการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละอองที่จะมีแนวทางแก้ปัญหาใน 3 มาตรการ คือมาตรการที่ 1 การเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเชิงพื้นที่ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาในระยะเร่งด่วนและในช่วงวิกฤติ มาตรการที่ 2 การป้องกันและลดการเกิดมลพิษที่ต้นทางหรือแหล่งกําเนิด เป็นการแก้ไขปัญหาในระยะสั้น ปี 2562-2564 และระยะยาว ปี 2565-2567 และมาตรการที่ 3 การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการมลพิษ โดยแผนดังกล่าวได้มีการดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่งในช่วงวิกฤติฝุ่นพิษพีเอ็ม 2.5 ที่ผ่านมา โดยมีหน่วยงานหลักที่เกี่ยวข้องหลายกระทรวงร่วมบูรณาการทำงานให้เกิดประสิทธิภาพ ซึ่งเห็นได้จากการจับปรับรถควันดำ การควบคุมโรงงานในเรื่องปล่อยมลภาวะ การป้องปรามเผาในที่โล่งรวมทั้งเผาพืชไร่ด้วย




          อย่างไรก็ตามฝุ่นพิษยังเกิดขึ้นบ่อยครั้งโดยเฉพาะในช่วงลมนิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมทั้งหัวเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวและยิ่งการรายงานสภาพอากาศของต่างประเทศก็จะปรากฏแบบเรียลไทม์ยิ่งส่งผลลบต่อการท่องเที่ยวไทย ซึ่งในต่างประเทศก็ให้ความสำคัญเรื่องอากาศ อาทิ อังกฤษประกาศยุทธศาสตร์อากาศสะอาด เมื่อเดือนมกราคม 2561 ส่วนเกาหลีใต้ก็ใช้มาตรการฉุกเฉินแก้มลพิษในกรุงโซลเมื่อต้นปี 2560 และปลายปี 2018 สเปนเริ่มใช้มาตรการจำกัดรถยนต์เข้าไปในเขตควบคุมคุณภาพอากาศย่านใจกลางกรุงมาดริด จึงเห็นได้ว่าเมืองขนาดใหญ่หรือแหล่งพลเมืองหนาแน่นเกือบทั่วโลกต่างประสบปัญหามลภาวะดังนั้นการผลัดกันร่างกฎหมายอากาศสะอาดจึงถือเป็นความจำเป็นเพื่อให้มีองค์กรรับผิดชอบโดยตรงรวมทั้งอำนาจหน้าที่แก้ปัญหามีประสิทธิภาพ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ