คอลัมนิสต์

ชีพจร พท.วันนี้เป็นเช่นใด...

ชีพจร พท.วันนี้เป็นเช่นใด...

04 ธ.ค. 2562

ชีพจร พท.วันนี้เป็นเช่นใด... โดย...  ทีมข่าวการเมืองเครือเนชั่น

 

 


 

          รอยร้าวในอาคารโอเอไอ ทาวเวอร์ ซึ่งเป็นสำนักงานของพรรคเพื่อไทย (พท.) บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่นั้น คล้ายจะย้ำรอยแผลให้ปะทุขึ้นมาอีก จากกระแส ส.ส.หลายชีวิตบินไปยังนครดูไบเพื่อพบ “ทักษิณ ชินวัตร” เนื่องจากไม่พอใจบทบาทของประธานยุทธศาสตร์พรรค ที่ชื่อ ”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์”

 

 

          แม้ล่าสุด "นายใหญ่” จะทวิตข้อความขอบคุณ ส.ส., หัวหน้าพรรคและคุณหญิงหน่อยที่ไปอวยพรปีใหม่ให้นายใหญ่และน้องสาวเพื่อสยบข่าวร้าวในพรรคแล้ว


          ภาวะที่แท้จริงวันนี้ที่เพื่อไทยยังหลอมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันมิได้นั้น เนื่องจากหลายคนในพรรครู้ลึกๆ ว่า คีย์แมนแต่ละคนนั้นขึ้นตรงกับใครบ้างในตระกูลชินวัตร และแต่ละช่วงเวลาคีย์แมนคนใดจะรับบทนำตามที่คนในตระกูลชินวัตรให้ข้อแนะนำ


          ตรงนี้เอง...จึงทำให้คีย์แมนแต่ละคนอาจจะเดินจังหวะคร่อมเลนจนคีย์แมนอีกฝ่ายหนึ่งในพรรคไม่แฮปปี้


          รอยหมางใน พท.นั้นบังเกิดรางๆ ตั้งแต่คุณหญิงหน่อยชิงดำกับ “จาตุรนต์ ฉายแสง” กับเก้าอี้ประธานยุทธศาสตร์พรรค เพราะรอยปรินี้เริ่มในพรรคตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว จนตอนนั้น ”เดอะ อ๋อย” ย้ายไปพรรคไทยรักษาชาติ(ทษช.) และเมื่อ ทษช.ไร้ชื่อในสารบบการเมือง “เดอะ อ๋อย” ก็มิได้กลับมาที่พท. แต่กลับไปทำหน้าที่ติวเตอร์ให้พรรคอนาคตใหม่ในช่วงที่ผ่านมา


          รวมทั้งยามที่ “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคแทน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ และ ”น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ” มาเป็นเลขาธิการพรรคแทน ภูมิธรรม เวชยชัย ภาวะซ่อนดาบในรอยยิ้มก็ยังปรากฏเสมอ เพราะมันกระเพื่อมมาระยะหนึ่งแบบต่างกรรมต่างวาระที่สะสมพลังไม่พอใจจนถึงเวลาปะทุในตอนนี้ แม้นายใหญ่จะออกมาสยบความเคลื่อนไหวรอยหมางนี้แล้ว แต่ใช่ศึกว่านี้จะจบได้ง่ายๆ เพราะการคอนโทรลพรรคระยะไกลมันเหนื่อยนัก เห็นง่ายๆ ในยุคพรรคพลังประชาชน “สมัคร สุนทรเวช” คือคนที่นายใหญ่เลือกมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรค แม้จะมีพ่อบ้านพรรคคือ “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” สายตรงจากชินวัตร รวมทั้ง ”เนวิน ชิดชอบ” ที่ยามนั้นขึ้นหม้อยิ่งในสายตานายใหญ่ คอยขับเคลื่อนเกมตามคำสั่งจากต่างแดนก็ตาม

 



          เพราะสุดท้ายแล้วนายใหญ่และนายหญิงก็คอนโทรลรุ่นใหญ่อย่าง "สมัคร สุนทรเวช” มิได้ และสองขุนพลที่ส่งไปก็โดนข้อหา "แก๊งออฟโฟร์” จนสุดท้ายคนโตแดนอีสานใต้ต้องอกหักและเร้นกายออกมาตั้งพรรคภูมิใจไทย หลังดันสมัครกลับไปเป็น สร.1 ไม่ได้ เนื่องจากนายใหญ่กดปุ่มมาว่า 1 ใน 3 ส.แห่งพลังประชาชน (นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี, สมพงษ์ อมรวิวัฒน์, สมชาย วงศ์สวัสดิ์) จะทำหน้าที่แทนสมัคร และสุดท้ายคำตอบคือ "สมชาย วงศ์สวัสดิ์”


          “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” คือใคร...หลายคนรู้คำตอบดี และมาทำหน้าที่ยามนั้นจากบทเรียนเรียกใช้คนนอกบ้านนั้นไม่ง่าย...


          กาลยามนี้ของ พท. มันคล้ายจะย้อนรอยวันวาน แม้ข้อเท็จจริงจะแตกต่างจากวันนั้น แต่บางอย่างละม้ายคล้ายยิ่ง เพราะอาการคนในบ้านคร่อมเลนและเหยียบตาปลากัน


          “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” คือคนที่นายใหญ่หวังไว้เมื่อหลายสิบปีก่อนว่าจะทาบทามมาทำหน้าที่พ่อบ้านพรรคในยุคสร้างไทยรักไทยให้เติบใหญ่ แต่ตอนนั้น สมพงษ์ ย้ายมาไม่ได้เพราะมีสัญญาใจกับบรรหาร ศิลปอาชา แห่งพรรคชาติไทย ครั้นถึงเวลาอันสมควร สมพงษ์ จึงอำลามังกรเมืองสุพรรณมาสู่อ้อมอกพลังประชาชน และต้องเว้นวรรคไป 5 ปีเพราะโทษยุบพรรค เมื่อมีโอกาสคัมแบ็ก สมพงษ์ สายตรงคนเมืองเชียงใหม่ จึงมาทำหน้าที่หัวหน้าพรรคเพื่อไทยยามนี้


          ส่วน "คุณหญิงหน่อย” นั้นแนบแน่นกับนายใหญ่ตั้งแต่สมัยพรรคพลังธรรม, ช่วงก่อตั้งพรรคไทยรักไทยก็รับหน้าที่รองหัวหน้าพรรค และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ต้นๆ ทั้งยังรั้งเก้าอี้ รมว.สาธารณสุข 4 ปี รวมทั้ง รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในรัฐบาลไทยรักไทยสมัยที่สอง ก่อนจะเว้นวรรคเพราะโทษยุบพรรคไป 5 ปี เมื่อพ้นพันธะก็ตระเวนเดินงานสายบุญและแสดงความเห็นทางการเมืองบนโลกออนไลน์ก่อนมาสมัครสมาชิกพรรคเพื่อไทย จนได้รับเลือกเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด


          สองคนนี้เท่ากับว่าเป็นสายตรงคนในครอบครัวชินวัตร แต่อยู่ที่ว่าใครอยู่สายใด...และสายนั้นแข็งพอจะหักสายอื่นในครอบครัวได้หรือไม่...


          ภาวะยามนี้คุณหญิงหน่อยคล้ายจะเสียเปรียบ เพราะหลายคนในพรรคมิค่อยแฮปปี้กับการนำเดี่ยวแทนหัวหน้าพรรค และไม่ค่อยแลเหลียว ส.ส.ที่มิยอมเดินตาม อีกทั้งกระแสปัจจัยที่จะดูแล ส.ส.ในพรรคก็มีกระแสข่าวว่าคุณหญิงหน่อยมิได้ดำเนินการ จนใครหลายคนโร่ไปฟ้องนายใหญ่มาหลายครั้งแล้ว


          แต่คุณหญิงหน่อยเคยเปรยกับคนแวดล้อมหลายวาระว่า มาครั้งนี้เพื่อกอบกู้พรรคกับภาวะที่โดนบีบล้อมทุกมุม ต้องขับเคลื่อนหลายจุดที่เคยพลาด โดยเฉพาะคนเมืองหลวงและคนรุ่นใหม่ที่เมิน พท.ไปเยอะมากจากรอยแผลในวันวาน ภาพลักษณ์พรรคใหม่ในวันนี้และวันหน้าคือสิ่งจำเป็นสุดในสายตาของคุณหญิงหน่อยและทีมงาน


          ตรงนี้คือเส้นของความไม่ลงรอยกันและกันของแต่ละมุ้งในพรรคเพื่อไทย


          คนการเมืองอาจพูดว่า พรรคการเมืองย่อมมีความเห็นแตกต่าง เพราะมีหลายคน แต่มันต้องยึดประโยชน์พรรคเป็นหลัก แต่แรงกระเพื่อมจากความไม่พอใจในบางเรื่องอาจขยายวงได้


          และภาวะแบบนี้มันบังเกิดแล้วอีกคราวในพรรคเพื่อไทย แม้ศึกนี้จะยุติได้ยามที่นายใหญ่กดปุ่ม แต่รอยหมางในใจของแต่ละคนยากนักที่จะหยั่งได้ว่าเจือจางและเข้าใจในเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่งไปตามกาลเวลาหรือไม่