คอลัมนิสต์

นายกสมาคมรับเรื่องราวร้องทุกข์ 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นายกสมาคมรับเรื่องราวร้องทุกข์  คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย... อสนีบาต  Aussaneebard @ Hotmail.com

 

 


          หากเป็น ส.ส.สอบตกจากพรรคอนาคตใหม่ ได้รับเกียรติเข้าไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญในสภา จู่ๆ ยื่นใบลาออกคงเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่มีใครว่าอะไร

 

อ่านข่าว... จับตา ธนาธร กับก้าวย่าง เปิดพื้นที่การเมืองใหม่

 

 

          แต่นี่เป็นกรณี “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้ซึ่งพ้นสภาพการเป็นผู้แทนราษฎรจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ประกาศลาออกจาก กมธ.วิสามัญงบฯ และอนุกรรมาธิการพิจารณาด้านท้องถิ่นชายแดนใต้


          ความฮือฮาไม่ใช่เพราะลาออกจากทุกตำแหน่งในสภา แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ถ้อยแถลงของท่านผู้แทนนอกสภารายนี้เสียมากกว่า


          ธนาธร แถลงที่รัฐสภาถึงสาเหตุลาออกว่า “ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการกดดันในกรรมาธิการ โดยในการทำงานของ กมธ.ของพรรคฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาล มีการให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี“ พร้อมกับบอกด้วยว่า ”ตัดสินใจมาก่อนแล้วว่าจะลาออกเพื่อทำงานร่วมกับประชาชน”


          ก่อนทิ้งท้ายว่า “เมื่อเขาไม่ต้องการให้ผมอยู่ในสภา ผมขอกลับไปอยู่กับประชาชน”


          ตอนท้ายนี่ล่ะมีประเด็น ใครไม่ต้องการให้ธนาธรอยู่ในสภา ทั้งที่เพิ่งบอกเองมิใช่หรือว่า การทำงานในสภาได้รับความร่วมมือจากฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลเป็นอย่างดี …สร้างความงุนงงสับสนต่อการยกเหตุผลลาออกเสียจริงเชียว


          ครั้น "ธนาธร” แถลงข่าวที่รัฐสภาเสร็จ กลับไปปักหลักโชว์การถ่ายทอดสดชี้แจงสาเหตุการลาออกจากสองตำแหน่ง กมธ.ในสภาอีกครา


          คราวนี้ พลพรรคอนาคตใหม่โหมประโคมข่าวกันให้แซด ว่ามีผู้เข้ามาติดตามรับชม "ธนาธร” ล้นทะลักกว่าหมื่นคน

 



          ก็เป็นอะไรที่ต้องให้เครดิตทีมงานอนาคตใหม่ เชี่ยวชาญในเรื่องของการสร้างกระแสบนโลกโซเชียล หว่านล้อมชักจูงโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้มาใหลหลง “หัวหน้าพรรคผู้ตกงานอยู่นอกสภา"


          การแถลงรอบสองถือเป็นการขยายความจากประโยคสร้างความคาใจที่ว่า เขาไม่ต้องการให้ธนาธรอยู่ในสภา เขาคนนั้นคือใคร โดย “ธนาธร” กล่าวไว้ดังนี้ครับ


          “หากผู้มีอำนาจไม่ต้องการให้ผมอยู่ในสภาผมก็ขอทำงานเคียงข้างประชาชน“ พร้อมบอกต่อไปว่า “เราไม่จำเป็นต้องทำงานการเมืองผ่านสภาเพียงอย่างเดียว ผมไม่ได้ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่ออยากเป็น ส.ส.หรือรัฐมนตรี ผมไม่ได้ต้องการยศถาบรรดาศักดิ์ แต่สิ่งที่ต้องการคือการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ทำให้สังคมไทยดีขึ้น”


          “ผมคิดว่า ภายใต้สภาวะการเมืองไทยที่เป็นอยู่แบบปัจจุบัน คงถึงเวลาที่จะต้องเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ เพื่อต่อต้านความอยุติธรรมในสังคม" ตอนสุดท้ายธนาธรย้ำว่า “มาช่วยกันเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลง”


          หยิบยกคำแถลงทั้งหมดให้สาธารณชนพิจารณาไปพร้อมๆ กัน บอกได้เลยว่า “ธนาธร” พูดถูก ไม่ได้ตั้งพรรคเพื่ออยากเป็น ส.ส. หรือรมต. เพราะธนาธรประกาศแต่ต้นแล้ว จะขอเป็น "นายกรัฐมนตรี”


          อันนี้ปรากฏหลักฐานชัดทุกเวทีการแสดง อีกอย่างเนื้อหาการแถลงก็ไม่ได้พูดว่า ไม่ได้ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อไม่อยากเป็นนายกฯ เพราะแกบอกแต่เพียง ไม่คิดจะเป็น ส.ส. หรือรมต.


          ถ้อยแถลง ระบุว่า “ต้องการสร้างการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยดีขึ้น” ก็ถือว่าพูดถูกอีก เพราะการเป็นแค่ ส.ส. หรือ รมต. ไม่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนัก แต่ต้องเป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น สามารถนำพาชาติพ้นภัยได้ อะไรทำนองนั้น


          จึงไม่อาจปฏิเสธได้เลยความกระสันอยากเป็นนายกฯ ยังมีอยู่ในรอยหยักของสมอง เพียงแต่ว่า ธนาธร กลับแถลงในท่อนถัดมาซึ่งคล้ายคลึงกับการแถลงครั้งแรก คือการบอกว่า เมื่อผู้มีอำนาจ (ซึ่งก็ไม่รู้ผู้มีอำนาจคนไหน) ไม่ต้อนรับ จึงขอไปอยู่กับประชาชน จะไปต่อต้านความอยุติธรรมในสังคมแล้วจะเปิดพื้นที่ทางการเมืองใหม่ๆ เพื่อการเปลี่ยนแปลง


          อืม ! ในเมื่อความต้องการเป็นนายกรัฐมนตรียังมีอยู่แต่จะสามารถเป็นได้ในอีกกี่ปีข้างหน้ายากคาดเดาเหลือเกิน เพราะไหนจะต้องใช้เวลาต่อสู้คดีความของตนเองและโยงไปถึงพรรคอนาคตใหม่


          เมื่อไม่สามารถมาเป็นนายกฯ ในระยะเวลาอันใกล้ ก็อาจตีความถ้อยแถลงต่อไปได้ว่า หรือจะมาเป็นผู้นำมวลชนเคลื่อนไหวบนท้องถนน ตรงนี้ตรึกตรองให้ดีจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่


          ดีไม่ดีจะซวยซ้ำเข้าไปอีก ของพรรค์นี้ควรปรึกษาบรรดาศิษย์เก่า นปช. หรือ กปปส. อย่าง จตุพร พรหมพันธ์ หรือ สุเทพ เทือกสุบรรณ ดูก่อนก็ได้นะครับ ล้วนเผชิญชะตากรรมอย่างไรหลังเหตุการณ์ม็อบสิ้นสุดลง


          ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ และน่าถอดรหัสถ้อยแถลงได้ตรงจุดที่สุด “ธนาธร” อาจจะไปรับตำแหน่งนายกสมาคมรับเรื่องราวร้องทุกข์ ถือว่าเป็นคู่แข่งกับ ศูนย์บริการประชาชน ทำเนียบรัฐบาล


          แข่งขันทำความดี ช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้รับความยุติธรรม ไม่เสียหายครับ ทำไปเถอะ ดีกว่าเอาเวลาไป “วิ่ง ไล่ ลุง" ซะอีก…

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ