รู้กันหมดบางแล้วว่าคดีถือหุ้นสื่อของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น ส่งผลให้เสี่ยเอกหลุดเก้าอี้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และนำไปสู่การฟ้องคดีใหม่เพิ่ม
อ่านข่าว... อาฟเตอร์ช็อก อนาคตใหม่
“จากนี้ยังทำงานต่อในฐานะหัวหน้าพรรค ยังรณรงค์การแก้ไขรัฐธรรมนูญและ พ.ร.บ.การเกณฑ์ทหาร ในอนาคตคิดว่าจะได้กลับมาเป็น ส.ส.อีก ส่วนคดีอื่นอย่าไปกังวล ยังมีงานที่ต้องทำอีกเยอะ และให้ประชาชนตัดสินเรื่องนี้เอง”
คือคำพูดของเสี่ยเอก
“ธนาธร” พ้นสมาชิกภาพ ส.ส.ตั้งแต่ 23 พฤษภาคม 2562
แต่ “ไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง” ส่งผลให้
- ยังเป็นหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่
- ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งต่อไปได้
- ลงสมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นได้
- ยังมีสิทธิในการชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
แต่สิทธิเหล่านี้จะยังอยู่กับเสี่ยเอกต่อหรือไม่? ควรพินิจว่าอรรถคดีที่แกนนำและพรรคสีส้มเผชิญนั้นน่าจะมากกว่า 25 คดีแล้ว ในช่วงนี้แต่คีย์แมนอนค.ยักไหล่ไม่ยี่หระเพราะหลากคำพูดของเสี่ยเอกที่ยังประกาศลุยต่อบนสนามการเมืองเหมือนยังเลี้ยงกระแสกองเชียร์มิให้หมดหวัง
แปลความว่า อนค.พร้อมลุยจนวาระสุดท้ายและยังขยับการเมืองนอกสภาเพื่อเลี้ยงกระแสค้านลุงตู่
หากวันข้างหน้าอนค.จะไร้ชื่อในสารบบการเมืองไทย แต่พรรคใหม่ที่เกิดขึ้นจิตวิญญาณของชาวสีส้มก็ยังจะติดตามไปสถิต
เพราะตอนนี้น้ำหนักของการมองเกมยุบพรรคตามมาเป็นดาบสองที่หลายคนฟันธงแล้วว่าเกมนี้จะออกหัวหรือก้อย !
และเชื่อว่าจากนี้ไปหากกระแสการเตรียมพิจารณาคดียุบพรรคบังเกิด ขุนพลของ อนค.จะทยอยออกมาปูพรมเลี้ยงกระแสเพื่อแสดงทัศนคติในมุมของตัวเองสู่สังคม !
แต่หากพินิจดีๆ จะพบว่า แนวทางการต่อสู้คดีความต่างๆ รวมทั้งจังหวะก้าวทางการเมืองของพรรคสีส้มนั้น มันคล้ายผิดจังหวะจะโคน
และพลาดง่ายๆ แบบไม่ควรพลาดในฐานะมืออาชีพ
แม้แกนนำชาวสีส้มจะออกมาให้ข่าวกับสังคมในมุมไม่เห็นด้วยหลากด้านกับสิ่งที่ อนค.ประสบ แต่เมื่อการต่อสู้คดี วี-ลัค มีเดีย ของเสี่ยเอกยุติลงด้วยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้วนั้น ก็กระจ่างในหลายแง่มุมแล้วสำหรับกรณีนี้
หากอนค.จะแสดงความไม่เห็นด้วย แต่ชาวอนค.ต้องเคารพการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เพราะสิทธิในการพิสูจน์ตัวเองของเสี่ยเอกในคดีนี้ได้ใช้ไปแล้ว
เกมดื้อแพ่งแบบหัวชนฝาจะให้ผลเช่นใด ?
แกนนำฝ่ายค้านบางพรรคมองว่า อนค.เป็นพรรคใหม่ที่แทบไร้คนการเมืองรุ่นเก๋าที่รู้จักจังหวะจะโคนในการเดินหมากการเมือง
ดังนั้นการเคลื่อนเกมจึงล้ำหน้าไปหลายช็อต !
เพราะเลือดหนุ่มสาวที่ยังร้อนแรงและหวังที่จะเปลี่ยนการเมืองได้ดั่งใจนึกด้วยการทำงานในนามพรรคและส.ส.ต่อสู้ในรัฐสภา
แต่เมื่อออกตัวแรงเช่นนี้ก็เหมือนเป็นหอกกลับมาทิ่มแทงตัวเองหลายวาระเพราะจังหวะที่พลาดไป
หลายคนในเวทีการเมืองมองว่า อนค.เมื่อไร้มวยใหญ่ที่มีชั่วโมงบินทางการเมืองมาประคองก็ย่อมหลงทิศทางไปบ้าง และกว่าจะตั้งลำได้ บางครั้งก็เสียรังวัดไปแล้วและกลับลำได้ยากยิ่ง
และหลายคราวก็ทำให้อาการเจ็บตัวแบบไม่สมควรเกิดขึ้น
ดังนั้นเรื่องแบบนี้มวยใหญ่จำเป็นสำหรับการเมืองไทยที่ต้องอ่านทิศทางลม
ในเมื่อแกนนำชาวสีส้มยังไม่เปลี่ยนแนวทางการลุยสนามการเมือง ดังนั้นคงเดาไม่ยากว่า จากนี้ไป อนค.จะตัองเผชิญอะไรบ้าง ?