ข่าว

 คำวินิจฉัย ศาล รธน.ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์จริงหรือ..ธนาธร

คำวินิจฉัย ศาล รธน.ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์จริงหรือ..ธนาธร

22 พ.ย. 2562

คำนิจฉัยศาล รธน.ให้นายธนาธร พ้น ส.ส.ถูกนายธนาธร ตอบโต้ทันควันว่า คำวินิจฉัยที่นำมาลงโทษเขาไม่มีหลักวิทยาศาสตร์ คำถามคือ คำวินิจฉัยไม่เป็นวิทยาศาสตร์จริงหรือ

       มีประเด็นที่น่าสนใจที่ ธนาธร  จึงรุ่งเรืองกิจ  ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนทันควัน หลังคำวินิจฉัยให้เขาพ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส. 

      กับประโยคที่ว่า  เหตุผลที่ศาลยกขึ้นมาวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของผมสิ้นสุดลง ไม่มีข้อเท็จจริงที่เป็น" วิทยาศาสตร์" 
   

          คำถามคือว่า....คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้นายธนาธร พ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส. เพราะถือครองหุ้นสื่อในขณะที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง  ไม่มีอะไรที่เป็นวิทยาศาสตร์จริงหรือ 

        ก่อนอื่นต้องถามนายธนาธรว่า หลักวิทยาศาสตร์ของนายธนาธร หมายถึงอะไร ถ้าหมายถึงหลักเหตุและผล ศาลรัฐธรรมนูญก็อธิบายอยู่ในคำวินิจฉัย

         เหตุคือ นายธนาธร ถือหุ้นสื่ออยู่ในขณะลงสมัครรับเลือกตั้ง ยังไม่ได้โอนหุ้นสื่อให้เสร็จสมบูรณ์ครบถ้วนตามกระบวนการ 

            คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ :  พยานหลักฐานที่ได้จากไต่สวน ได้แก่ สมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น และสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ.5) ซึ่งบริษัท วี-ลัคฯ ได้ยื่นต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานคร กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ปรากฎว่านายธนาธรถือหุ้นบริษัทนี้จำนวน 675,000 หุ้น ตั้งแต่ 12 ม.ค. 2558  และพรรคอนาคตใหม่ยื่นบัญชีรายชื่อผู้สมัครต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งในวันที่ 6 ก.พ.62 มีชื่อนายธนาธรเป็นผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อในลำดับที่ 1  ต่อมาภายหลังคือวันที่ 21 มี.ค. 2562 จึงปรากฏชื่อนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธร เป็นผู้ถือหุ้นดังกล่าวในแบบ บอจ.5 "

            (แล้วอย่างนี้ยังไม่เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พออีกหรือ)

            ผลก็คือ ขัดต่อกฎหมายห้ามไว้ จึงต้องพ้นจาก ส.ส.

            ส่วนจะเป็นเหตุผลที่นายธนาธร ชอบหรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

         แต่ถ้าหลักวิทยาศาสตร์ของนายธนาธร หมายถึงการทดลองแล้วสรุปผลทดลองออกมาว่าเป็นไปตามสมมติฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ตั้งไว้หรือไม่  ก็คงไม่ถึงขนาดนั้น เพราะการพิพากษาคดีไม่ใช่ ฟิสิกส์ เคมี  วิทยาศาสตร์ล้วนๆ ทดลองกันในห้องวิทยาศาสตร์  

         และตามหลักกฎหมายมหาชน เช่น พรป.เลือกตั้ง ส.ส.  หากมีหลักฐานเชื่อได้ว่านายธนาธรผู้ถูกร้องกระทำผิด ศาลรัฐธรรมนูญก็ลงโทษได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องสิ้นสงสัยว่าจำเลยทำผิดหรือไม่เหมือนกับคดีอาญาจึงจะลงโทษได้

       แต่ถ้าจะเอาแบบสิ้นสงสัยนายธนาธร ก็ต้องรอคดีอาญา ซึ่งตอนนี้ กกต. ก็จ่อจะฟ้องนายธนาธร อยู่ หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นายธนาธร สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส. ว่าลงสมัคร ส.ส. ทั้งที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง

     และ"สิ้นสงสัย"ในที่นี้หมายถึงวิญญูชนคนทั่วไปสิ้นสงสัย ไม่ใช่นายธนาธร สิ้นสงสัย หรือ สาวก พรรคพวกนายธนาธร สิ้นสงสัย

    อีกประเด็น นายธนาธร อ้างว่า ศาลให้น้ำหนักกับ"ข้อสันนิษฐาน"มากกว่าข้อเท็จจริง  เอาข้อสันนิษฐาน ข้อสงสัย มาลงโทษนายธนาธร

      สิ่งที่สื่อหลายสำนักนำเสนอเกี่ยวกับการถือหุ้นวี-ลัค มีเดีย ของนายธนาธร ชัดเจนเกินกว่า"ข้อสันนิษฐาน" มันละเอียดยิบชัดเจน ไม่ใช่ข้อสันนิษฐาน แต่เป็นข้อเท็จจริงหรือเกินกว่าข้อเท็จจริงด้วยซ้ำ คือมันคือความจริง