คอลัมนิสต์

กองทัพซอมบี้ ร่างอวตารเฟซบุ๊ก รุมกินโต๊ะฝ่ายตรงข้าม

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ๆกับบรรดาพวกอวตาร ที่โพสต์ คอมเมนท์เพื่อก่อกระแสโจมตีฝ่ายตรงข้ามในเฟซบุ๊ก อย่างเช่นในช่วงการมาของ อนาคตใหม่ ราวกับว่านี่คือการจัดตั้ง

      ว่ากันไปแล้วเรื่องนี้ได้เกิดขึ้นมาสักพักใหญ่ๆกับบรรดาพวกอวตารที่ผลุบโผล่กันอยู่ในเฟซบุ๊ก ซึ่งมีการโพสต์ คอมเมนท์หรืออะไรก็ตาม เพื่อก่อกระแสหรือโจมตีอีกฝ่าย โดยในช่วงการมาของ"อนาคตใหม่" เห็นได้ชัดว่ามีปรากฏการณ์ใช้โซเชียลฯอย่างเฟซบุ๊กตอบโต้คนที่อยู่ตรงข้ามพรรคสีส้ม ..ราวกับว่านี่คือการจัดตั้งยังไงยังงั้น???

       ถามว่าทำไม Facebook ถึงปล่อยให้เกิดกระบวนการ เรื่องราวเหล่านั้น เพราะการลงชื่อใช้เฟซบุ๊กนั้นกระทำ บัญชีได้2แบบ โดยจะใช้ชื่อจริง หรือชื่อไม่จริง ซึ่งเป็นชื่อที่สมมุติขึ้นเพื่อลงบัญชีใช้เฟซบุ๊กนั่นเอง!!!

       และที่ปรากฏเป็นข่าวสาร เรื่องราวเหตุการณ์ให้รับรู้ก็คือ มีการใช้ประโยชน์จากเฟซบุ๊กในการหาผลประโยชน์ไปในทางไม่สุจริตด้วย เรื่องทำนองนี้มักเกิดขึ้นบ่อย เช่น การใช้ชื่อหรือรูปปลอมหลอกลวง ต้มตุ๋นคนในเฟซบุ๊ก ซึ่งได้เกิดขึ้นเป็นข่าวให้สังคมรับทราบอยู่เรื่อยมา

     ซึ่งการกระทำดังกล่าวมักเกิดขึ้นบ่อย นั่นเพราะการลงบัญชีใช้เฟซบุ๊กบางคนอาจใช้ชื่อไม่จริงแล้วมาก่อเรื่อง สร้างเรื่อง โดยมาเพียงเรื่องทางสังคม อาชญากรรมทั่วไปเท่านั้น อย่างที่บอกมีการนำเรื่องการเมืองเข้ามาเล่นบนโลกออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก อย่างเป็นกระบวนการเลยทีเดียว!!!

.

        เรื่องนี้ต้องยอมรับว่าได้เกิดขึ้นจริงในสังคมไทย แม้ขณะปัจจุบันก็ยังปรากฏอยู่ โดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง ที่มีการนำมาขยาย มาโจมตีในหลายรูปแบบ อย่างที่เรียกว่า พวกอวตาร

      ดร.กิตติธัช ชัยประสิทธิ์ นักวิชาการอิสระ และอาจารย์ด้านสถาปัตยกรรม สอนพิเศษด้าน ปรัชญาการเมือง ได้เคยบรรยายถึงการสร้างไอดีปลอม เพื่อทำให้คนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม "อนาคตใหม่" ดูเหมือนคนไร้ปัญญาซึ่งเห็นได้ชัด ว่าวันนี้กลยุทธ์สกปรกทางโซเชียลเหล่านี้ เริ่มกลับมาปฏิบัติการณ์อีกครั้ง แต่ภายใต้ตัวละครใหม่ที่ไม่ต้องอยู่ภายใต้เพจเดิมอีกต่อไป

        24 พ.ค. 2562 มีรายงานข่าว Facebook (เฟซบุ๊ก) เครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์กยอดนิยมของโลก เผยข้อมูลในรอบ 6 เดือนมีบัญชีรายชื่อเฟซบุ๊กปลอมระบาดหนัก ต้องลบทิ้งราว 3,400 ล้านบัญชี มากกว่าในช่วง 6 เดือนก่อนหน้านั้นเกือบสองเท่าตัว ไม่รวมบัญชีที่ 2 ขึ้นไปของแต่ละคน ที่เรียกว่าบัญชี"อวตาร" ที่ใช้เพื่อแสดงความเห็นทางการเมืองโจมตีฝ่ายตรงข้ามหรือสนับสนุนฝ่ายตนเอง

         บริษัทเฟซบุ๊กเผยว่า ในช่วง เดือนตุลาคมปี 2018 ถึงเดือนมีนาคมปี 2019 พบบัญชีรายชื่อปลอม 3,400 ล้านบัญชี มีผู้ใช้บัญชีปลอมเล็ดลอด 120 ล้านบัญชีหรือเฉลี่ยราว 5 เปอร์เซ็นต์ของยอดบัญชีผู้ใช้บริการทั้งหมดเดือนละ 2,400 ล้านบัญชี ถือว่าสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

.        ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นบัญชีปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปล่อยข่าวเท็จ, เผยแพร่ความรุนแรง, ใส่ร้ายป้ายสีทั้งในเรื่องส่วนตัวและเรื่องการเมือง รวมทั้งการเลียนแบบคนดังในวงการต่างๆ

         ก่อนหน้านี้ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ประธานฝ่ายบริหารเฟซบุ๊ก เคยออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลชาติต่างๆให้ความจริงจังกับการสอดส่องควบคุมผู้ใช้งานเฟซบุ๊กมากขึ้น โดยเฉพาะหากเป็นเรื่องการส่งเสริมการใช้ความรุนแรง,ใส่ร้ายป้ายสีทางการเมืองหรือการกลั่นแกล้ง, เหยียดเพศหรือเหยียดเชื้อชาติ ส่วนที่บัญชีปลอมระบาดหนักในช่วงหลังๆมาจากการใช้โปรแกรมสร้างบัญชีอัตโนมัติครั้งละหลายๆบัญชีพร้อมกัน เพื่อปล่อยปล่อยข่าวโจมตีในครั้งเดียวได้ทีละมากๆ

        ช่วงไตรมาสแรกของปี 2019 มีบัญชีปลอมสูงถึง 2,200 ล้านบัญชี ไม่รวมบัญชี"อวตาร"ที่พบเห็นได้ทั่วไป ในคอมเมนต์ข่าวสารต่างๆ โดยเฉพาะหากเป็นข่าวการเมืองเพื่อโจมตีหรือสนับสนุนฝ่ายที่ตนเองชอบ สังเกตได้โดยส่วนใหญ่จะไม่ใช้รูปจริงๆของตนเป็นรูปโปรไฟล์และใช้ชื่อบัญชีแปลกๆที่ไม่ใช่ชื่อจริงของตนเอง

        (https://news.ch7.com/detail/343304)

.     นอกจากนี้ยังพบว่า มีการเผยแพร่ถึงคำแนะนำเกี่ยวกับ วิธีใช้งาน Facebook 2 บัญชี พร้อมๆ กันด้วย มันเป็นวิธีที่จะทำให้สามารถเล่นเฟซบุ๊ก 2 ไอดี หรือ 2 บัญชี บนสมาร์ทโฟน เครื่องเดียวกัน โดยมีการอธิบายวิธีทำไว้อย่างเสร็จสรรพเลยทีเดียว!!!

        .ขณะที่เว็บไซต์ ahead.asia ได้นำข้อมูลมาเผยแพร่ไว้อย่างน่าสนใจ ซึ่งเป็นการเปิดเผยสถิติตัวเลขต่างๆ เกี่ยวกับการใช้งานอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทั่วโลกในเดือน เม.ย. 2018 ซึ่งจะขอนำบางส่วนมาเผยแพร่ต่อ ดังนี้

       รายงานจาก Global Digital นำเสนอสถิติเกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย ประจำไตรมาสที่ 2 ของปี 2018 (นับสิ้นสุดเมื่อ 12 เม.ย.) โดยอาศัยข้อมูลจาก We Are Social และ Hootsuite เผยว่า Facebook ยังคงเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์คหมายเลข 1 ของโลก ด้วยจำนวนผู้ใช้ (Active Users) ทั่วโลก 2,234 ล้านคน ขยับขึ้นจากผลสำรวจเมื่อเดือน ม.ค. ราว 100 ล้านคน

       ในรายงานฉบับเดียวกัน ยังมีการเปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร คือเมืองที่มีจำนวนผู้ใช้งาน Facebook สูงสุดเป็นอันดับ 1 ของโลก ด้วยผู้ใช้กว่า 25 ล้านคน โดยมี จาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย ตามมาเป็นอันดับ 2 ตามมาห่างๆที่ 20 ล้านคน

.       นับเป็นปีที่สองติดต่อกัน ที่กรุงเทพมหานคร อยู่ในอันดับ 1 (จำนวนผู้ใช้เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1 ล้านคน) และยังเป็นอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่วนในภาพรวม ประเทศไทย อยู่ในอันดับ 8 ของประเทศที่ใช้ Facebook สูงสุดของโลก ด้วยจำนวน Active Users 52 ล้านราย (เทียบเท่ากับตุรกี)

        คิดเฉลี่ยเป็นอัตราเพิ่มขึ้นจากเดือน เม.ย. ปี 2017 ที่ผ่านมาอยู่ 11 เปอร์เซ็นต์ แต่มากกว่าในปี 2011 ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 19 ที่ตัวเลข 8,421,780 คน ถึงกว่า 6 เท่าตัว

          ส่วนประเทศที่ใช้งาน Facebook มากที่สุดในโลกเป็น อินเดีย จำนวนผู้ใช้ 270 ล้านคน โดยมีจำนวนเพิ่มจากปีที่แล้วถึง 27% ส่วนอเมริกาอยู่ในอันดับสองที่ 240 ล้านคน

      ผู้ใช้ Facebook มีจำนวน 2,234 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 14% จาก เม.ย. 2017) โดยเข้าใช้ผ่านโทรศัพท์มือถือ 89%

      ช่วงวัยของผู้ใช้ Facebook ที่มีจำนวนมากที่สุดคือ 25-34 ปี ที่จำนวน 670 ล้านคน ตามด้วย 18-24 ปี มีจำนวน 620 ล้านคน

       54 เปอร์เซ็นต์ของประชากรโลก ใช้งานอินเทอร์เน็ต ในจำนวนนี้มีมากถึงกว่า 2 พันล้านรายที่ใช้บริการโซเชียลมีเดียเบอร์ 1 อย่าง Facebook

.      ในภาพรวม เมื่อดูจากประชากรทั้งหมดของประเทศไทย จำนวน 66 ล้านคน (ข้อมูลจาก มิเตอร์ประเทศไทย) จะพบว่ามีผู้ใช้ Facebook ถึง 52 ล้านคน นั่นหมายถึงคนไทย 79% เล่น Facebook และคำถามที่ตามมาก็คือ 79% ของประชากรในประเทศไทย ใช้ Facebook เพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน

(https://ahead.asia/…/%E0%B8%B4bangkok-most-fb-user-city-20…/)

.     คำถามที่ทิ้งท้ายไว้ว่าคนไทยใช้เฟซบุ๊กเพื่อประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน??? นับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะย่อมปฏิเสธได้ยาก ยิ่งกลับขึ้นไปดูข้อมูลข้างบนก่อนหน้านี้ ก็พอจะเดาคำตอบได้ไม่ยากว่า ประชาชนคนไทยใช้เฟซบุ๊กเพื่อคุณหรือโทษ!?!

.       จากกรณีได้มีงาน “FIRST MOVE ทิศทางไทย” ซึ่งเป็นการเปิดตัวสถาบันทิศทางไทย มีบุคคลผู้มีชื่อเสียงมากมายหลายกลุ่ม หลายวงการ ทั้งนักการเมือง รวมทั้งนักศึกษาเยาวชนคนรุ่นใหม่อย่าง นายภูผา ภูวดลอานนท์ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมเพื่อนอีก 2 คนซึ่งได้รับการเชิญมาร่วมงาน

กองทัพซอมบี้ ร่างอวตารเฟซบุ๊ก รุมกินโต๊ะฝ่ายตรงข้าม         

.       แต่ปรากฏว่าเมื่อข่าวสารได้เผยแพร่ออกไป มีบางคนบางฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาลได้วิพากษ์วิจารณ์โจมตีต่อสถาบันทิศทางไทย ไปอ้างอิงถึงบุคคลที่มาร่วมงานโดยไม่ได้สนใจถึงสาระสำคัญของแนวทางสถาบันทิศทางไทยนั้น รวมทั้งบรรดาสาวกอนาคตใหม่ที่รุมถล่ม โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า Tommy Prakaikij ซึ่งได้โพสต์ข้อความพร้อมภาพว่า

            กองทัพซอมบี้ ร่างอวตารเฟซบุ๊ก รุมกินโต๊ะฝ่ายตรงข้าม

        อมธ.ยุคสมัยนี้ครับ ไม่มีที่อื่นให้เฉิดฉายเเล้ว?

         ต่อมาก็มีคนเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์ ทั้งให้กำลังใจนายภูผา และโจมตีด้วยเห็นกับที่ Tommy Prakaikij ซึ่งเป็นสาวกพรรคการเมืองหนึ่งที่ชอบอ้างประชาธิปไตยโพสต์ ทำให้นายภูผา ต้องชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Phupa Phuwadonanon ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดระบุว่า

           กองทัพซอมบี้ ร่างอวตารเฟซบุ๊ก รุมกินโต๊ะฝ่ายตรงข้าม

 

.       จากกรณีที่บุคคลบางกลุ่มได้แสดงความคิดเห็นเชิงวิจารณ์ เสียดสี เหยียดหยาม “เกียรติภูมิความเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์” ต่อการได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเปิดหลักสูตรอบรมของสถาบันทิศทางไทย ในแนวทางที่ว่า ไม่เหมาะสม หรือไม่ควรไปร่วมงาน และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ฝักใฝ่กลุ่มการเมือง

.     กระผมนายภูผา ภูวดลอานนท์ ในฐานะนายกองค์การนักศึกษาธรรมศาสตร์ ขอชี้แจงดังนี้ครับ

      1.องค์การนักศึกษาฯ ได้รับเชิญอย่างเป็นทางการจากสถาบันทิศทางไทยให้ไปเข้าร่วมงานเปิดตัวหลักสูตรอบรมของทางสถาบันทิศทางไทย ซึ่งทางองค์การนักศึกษาฯมิได้ฝักใฝ่ไปร่วมงานดังกล่าวเอง

.     2.ความตั้งใจขององค์การนักศึกษาฯ คือการไปเพื่อเป็นกรณีศึกษา “เรา”ต้องการศึกษาข้อมูลจากบุคคลหลากหลายกลุ่ม เพื่อการหาทางสายกลาง รับข้อมูลหลายชุด เพื่อหาจุดเชื่อมสังคม เรายึดมั่นในหลักสิทธิเสรีภาพ หลักเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ทางองค์การนักศึกษาฯมิได้มีส่วนได้เสียใด ๆ กับสถาบันทิศทางไทย

.    องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ยังคงยึดมั่นอย่างแน่วแน่ในหลักของ “ประชาธิปไตย และการทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชน”

.      3.องค์การนักศึกษาฯมิได้ฝักใฝ่กลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่ง ดังเช่นที่ถูกกล่าวหาต่างๆ เช่น สลิ่ม เป็นต้น นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้รับกระบวนการเรียนรู้ โดยถูกสอน ”ให้คิด วิเคราะห์ และแยกแยะเป็น“คิดและวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับ

.         แยกแยะระหว่างสิ่งที่เป็นอุดมการณ์และสิ่งที่เป็นเครื่องมือทางการเมือง การที่มีคนกล่าวหาว่า “องค์การนักศึกษาฯฝักใฝ่กลุ่มการเมืองใดกลุ่มการเมืองหนึ่ง คือการกระทำที่” เหยียดหยามเกียรติภูมิของความเป็นนักศึกษาธรรมศาสตร์” อย่างมาก ดูถูกกระบวนการเรียนรู้แบบธรรมศาสตร์

.       เรามีความภูมิใจในกระบวนการเรียนรู้ของเรา และในกระบวนการนี้ การรับรู้สารจากหลากหลายมุมมองเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิด”ผลประโยชน์เพื่อส่วนรวม” องค์การนักศึกษาฯคือองค์การของนักศึกษา โดยนักศึกษา เพื่อนักศึกษา เราไม่ใช่คนของพรรคการเมือง และเราไม่ได้ทำเพื่อกลุ่มการเมือง สิ่งที่เรายึดมั่นคือ ผลประโยชน์ของนักศึกษา และของประชาชน รับใช้ประชาคือ ปลายทางเราที่เล่าเรียน

.     จะเห็นว่าถ้อยความที่นายกอมธ.ชี้แจง น่ารับฟังเพราะด้วยเหตุและผลที่อธิบายออกมา ย่อมสะท้อนว่านี่หรือไม่ที่จะเรียกว่าประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่อะไรที่ไม่ใช่พวกตน คิดไม่เหมือนพรรคก็ไม่ใช่ประชาธิปไตย ซึ่งทำเช่นนี้ก็ไม่ต่างกับการผูดขาดประชาธิปไตย???

.      นอกจากนี้ยังปรากฏถ้อยคำที่นายภูผา ถูกอีกฝ่ายโจมตีด้วยถ้อยความที่รุนแรง เหยียดหยาม ซึ่งพบว่าหลายชื่อไม่ได้ใช้ชื่อจริงในการเล่นเฟซบุ๊ก กระทั่งว่าบางคนบางชื่อนี้ยังไปปรากฏเที่ยวด่าทอบุคคลอื่นๆที่อยู่ตรงข้ามกับพรรคสีส้มด้วย

.       เช่นนี้เราย่อมปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ทุกวันนี้คนไทยใช้เฟซบุ๊กเพื่อโจมตี ฉวยประโยชน์จากเฟซบุ๊กในเรื่องการเมือง โดยเฉพาะตามข้อมูลที่รายงานที่มีทั้งเฟซปลอม พวกอวตาร ซึ่งเรื่องนี้ไม่ทราบว่าทางอนาคตใหม่จัดตั้งขึ้นบ้างหรือไม่??? หรือเป็นการทำกันเองโดยเฉพาะประเด็นของนักศึกษาธรรมศาสตร์ล่าสุด???

.       กระนั้นสิ่งที่อยากจะบอกก็คือ เราต้องยอมรับในสิทธิของบุคคลอื่นในการจะไปร่วมกิจกรรมกับกลุ่มฟากการเมืองใด นั่นเพราะคือการเปิดพื้นที่ให้แสวงหาความรู้ ความเข้าใจ จุดแตกต่าง และประการสำคัญเราต้องไม่ไปเหมารวมว่าใครต้องอยู่ฝั่งไหน สังกัดสีใด เพราะการที่ใครจะไปร่วมกิจกรรมใดกับฟากฝ่ายไหนนั้น ก็มิได้หมายความว่า คนเหล่านั้นจะต้องเห็นด้วยหรือเห็นดีเห็นงามกับกลุ่มนั้นๆเสมอไป???

.       อย่างเช่น นายกรณ์ จาติกวณิช ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในบุคคล หรือคนที่เป็นนักการเมือง ที่เดินทางมาร่วมงานเปิดตัวสถาบันทิศทางไทยก็ได้พูดถึงกรณีคนบางกลุ่มโจมตีนักศึกษาอย่างภูผาและเพื่อนๆ โดยบอกว่า เห็นมีการเขียนวิจารณ์ที่ภูผาร่วมงานวันก่อน น้องนิ่งไว้ไม่ต้องขอโทษใคร เพราะไม่ได้ทำอะไรผิด

        “แม้แต่คนวัยผมยังต้องฟังคนคิดต่าง แล้วทำไมคนรุ่นเรียนรู้ถึงจะต้องถูกบังคับให้ปิดกั้น ดีที่เราได้คุยกันเล็กน้อยวันนั้น ภูผาและเพื่อนที่ไปร่วมด้วยกันจะได้เรียนรู้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่ต้องไปเห็นด้วยกับทุกอย่างที่เขานำเสนอ

           การ bully ก็คือการข่มขู่นั่นเอง เราอย่าไปยอม เปิดใจให้กว้างไว้ ทุกคนก็อ้างว่าทำเพื่อประชาชนและบ้านเมืองทั้งนั้น”

          นั่นคือข้อความที่นายกรณ์ นักการเมืองน้ำดีมีคุณภาพที่สุดคนหนึ่งของประเทศนี้ ได้สื่อสารบอกกล่าวไปยังนายภูผาและเพื่อน คงไม่ต้องอธิบายอะไรซ้ำให้มากความไปกว่านี้ เพราะนายคนนั้น…สาวกพรรคสีส้มคงรู้แล้ว!?! อย่างน้อยก็รู้ว่า ประชาธิปไตยแบบที่ตัวเองเพ้อหลงอยู่นั้น นอกจากใหม่ไม่จริงแล้วยังคร่ำครึอีกด้วย

                                                                     

          แต่ก็ใช่ว่าจะจบลงเพียงแค่นั้น เมื่อหน้าเพจ “สถาบันทิศทางไทย” ไม่ว่าจะ โพสต์เรื่องไหนๆ ก็จะอุดมไปด้วย ผู้คนเข้ามาแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้แบบที่ดุเด็ดเถื่อนได้จริง

        ยิ่งเมื่อสืบค้น ตรวจสอบต้นตอของ ชื่อบุคคลนั่น ก็จับโป๊ะแตกได้ เมื่อมีการหลุด ลั่นยอมรับเองว่า มีขบวนการจัดตั้งเข้าไปโพสต์ ไปเมนท์ในเพจ สถาบันทิศทางไทย หวังว่าจะให้ดับสูญสลายไป ทั้งที่เพิ่งเกิดออกมาได้ไม่เพียงกี่ชั่วโมง

                                                         กองทัพซอมบี้ ร่างอวตารเฟซบุ๊ก รุมกินโต๊ะฝ่ายตรงข้าม

          สุดท้ายแล้ว คนที่เปิดทาสแท้ตัวตนออกมา ส่วนจะเป็นใครมาจากไหนนั้น ก็คงคาดเดาได้ไม่ยาก เพราะทันทีที่เปิดตัว "สถาบันทิศทางไทย" ฝ่ายใดที่ออกตัวแรงกว่าเค้าเพื่อน ก็คงเดากันได้ไม่อยากแหละ

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ