คอลัมนิสต์

ถูกปรับทางปกครอง...เพราะตั้งโรงแรมแต่ไม่มีผู้จัดการ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ถูกปรับทางปกครอง...เพราะตั้งโรงแรมแต่ไม่มีผู้จัดการ คอลัมน์... เรื่องน่ารู้วันนี้...กับคดีปกครอง  โดย... นายปกครอง

 

 


          ในการดำเนินกิจการใดๆ ย่อมต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามกฎหมาย เช่น “การประกอบธุรกิจโรงแรม” เจ้าของกิจการต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 และข้อกำหนดที่เกี่ยวข้อง เช่น การกำหนดให้ต้องตั้งผู้จัดการเพื่อทำหน้าที่จัดการโรงแรม กรณีหากโรงแรมไม่มีการตั้งผู้จัดการ กฎหมายดังกล่าวได้กำหนดโทษปรับทางปกครองไว้ด้วยนะครับ

 

 

          ทั้งนี้ เนื่องจากผู้จัดการโรงแรม ถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญโดยมีหน้าที่อำนวยความสะดวกในเรื่องที่พัก อาหาร การควบคุมดูแลการทำงานของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด เพื่อให้การบริการเป็นที่พอใจแก่ลูกค้า และยังมีหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดไว้เฉพาะอีก เช่น การจัดให้มีการบันทึกรายการต่างๆ เกี่ยวกับผู้พักและจำนวนผู้พัก ในแต่ละห้องลงในบัตรทะเบียนผู้พัก หากผู้เข้าพักมีอายุต่ำกว่า 18 ปี และเข้าพักตามลำพัง ให้ผู้จัดการหรือผู้แทนลงลายมือชื่อกำกับไว้ด้วย และนำไปบันทึกลงในทะเบียนผู้พักให้แล้วเสร็จภายใน 24 ชั่วโมง หลังจากมีการลงทะเบียนเข้าพัก เป็นต้น


          ดังเช่น ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในศาลปกครอง ที่นายปกครองจะนำมาเล่าให้ฟังในวันนี้


          มูลเหตุเกิดจาก ชุดเฉพาะกิจจังหวัดได้เข้าตรวจสอบโรงแรมของนายสุพจน์ พบว่ามีผู้เข้าใช้บริการอายุต่ำกว่า 18 ปี จำนวน 26 คน โดยมีการเปิดห้องเช่า จำนวน 6 ห้อง และเข้าพักในเวลา 15 นาฬิกา ซึ่งนายสุพจน์ไม่มีการจัดทำทะเบียนผู้เข้าพักตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากไม่มีผู้จัดการโรงแรมทำหน้าที่ดังกล่าว ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะนายทะเบียนโรงแรมจังหวัด จึงมีคำสั่งลงโทษปรับทางปกครอง เนื่องจากเป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมแต่ไม่จัดให้มีผู้จัดการทำหน้าที่จัดการโรงแรม นายสุพจน์จึงฟ้องคดีต่อศาลปกครองขอให้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งนายทะเบียนโรงแรมจังหวัด ที่ลงโทษปรับทางปกครองแก่ตน

 



          คดีนี้ศาลปกครองสูงสุด พิจารณาว่า เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัด (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) อยู่ในฐานะเป็นพนักงานฝ่ายปกครอง ตามมาตรา 2 (17) (ฌ) แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจเกือบทั้งหมดเป็นตำรวจ ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวน ปราบปราม ตรวจค้น จับกุม ผู้กระทำความผิดอาญาได้อยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อมีเหตุสงสัยจากการร้องเรียนของประชาชนว่า ได้มีกลุ่มวัยรุ่นจำนวนมาก ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี ได้เข้าไปใช้บริการโรงแรมของผู้ฟ้องคดีในลักษณะมั่วสุมซึ่งอาจมีการกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ความผิดเกี่ยวกับเพศ หรือความผิดอาญาอื่น เจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจย่อมสามารถเข้าไปในโรงแรมของผู้ฟ้องคดีเพื่อสืบสวนตรวจสอบถึงเรื่องดังกล่าวได้ ซึ่งรวมถึงการกระทำของผู้ฟ้องคดีว่าได้กระทำผิดอาญาตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ด้วยหรือไม่ ตามขอบอำนาจที่กำหนดไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา


          ส่วนการที่พบว่าโรงแรมของผู้ฟ้องคดีไม่มีการตั้งผู้จัดการโรงแรม ตามที่พระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 กำหนด และ ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะนายทะเบียนโรงแรมจังหวัด ได้พิจารณาลงโทษปรับทางปกครอง ผู้ฟ้องคดี โดยคำนึงถึงความร้ายแรงแห่งพฤติกรรมที่กระทำผิดของผู้ฟ้องคดีที่ไม่จัดให้มีผู้จัดการโรงแรม ทำให้มีกลุ่มวัยรุ่นซึ่งมีอายุต่ำกว่า 18 ปี และยังเป็นนักเรียน นักศึกษา เข้าไปใช้บริการโรงแรมของผู้ฟ้องคดีในลักษณะมั่วสุมโดยไม่มีการลงทะเบียนผู้พัก ซึ่งหากทางโรงแรมคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะเป็นสำคัญก็สามารถปฏิเสธไม่รับเข้าพักได้ และข้ออ้างที่ว่าภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตรวจพบตนก็ได้ตั้งผู้จัดการโรงแรมในภายหลังแล้วอันถือเป็นความผิดเล็กน้อยนั้น ไม่อาจรับฟังได้


          ดังนั้น จึงถือว่าผู้ฟ้องคดีได้กระทำความผิดตามมาตรา 30 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 คือ ไม่ตั้งผู้จัดการโรงแรม คำสั่งลงโทษปรับทางปกครองในจำนวนที่เป็นไปตามพระราชบัญญัติโรงแรม พ.ศ.2547 ประกอบกับประกาศกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2553 เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์ในการพิจารณาโทษทางปกครอง จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ.496/2562)


          คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ จึงนับเป็นอุทาหรณ์ที่ดีให้กับผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมว่า การแต่งตั้งผู้จัดการโรงแรม เป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบธุรกิจโรงแรมต้องรู้และตระหนักที่จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งการให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี เข้าใช้บริการโรงแรมในลักษณะมั่วสุม ซึ่งไม่เกิดผลดีทั้งต่อตัวเด็ก ครอบครัวและสังคม การทำธุรกิจอาจต้องตระหนักในเรื่องดังกล่าว ที่มิใช่เพียงผลประโยชน์ในค่าตอบแทนการใช้บริการเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อให้สังคมเกิดความสงบสุขเรียบร้อยตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย แต่เมื่อผู้ประกอบธุรกิจไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายก็ต้องรับโทษ...นั่นเองครับ


(ปรึกษาคดีปกครองได้ที่สายด่วนศาลปกครอง 1355)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ