คอลัมนิสต์

ของดี ไม่มีวันตาย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2562

 

 

 

          กำลังจับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุกมือสำหรับโครงการ “ชิมช้อปใช้” หนึ่งในมาตรการพยุงเศรษฐกิจที่ "รัฐบาลลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสิร์ฟโปรแรงด้วยการเสกแบงก์พันจำนวน 1 หมื่นล้านบาทเข้ากระเป๋าตังค์คนไทย 10 ล้านคนไปแบบสบายๆ มิหน้ำซ้ำยังไม่ทันข้านเดือน “รัฐบาล” ออกมาประกาศแบบรัวๆ ว่ากำลังผุดมาตรการ "ชิมช้อปใช้" เฟส 2 ตามมาติดๆ หลังจากเฟสแรกประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไรกำลังอยู่ระหว่างพิจารณา แต่เบื้องต้นประมาณการว่า รัฐบาลจะเปลี่ยนรูปแบบการแจกเงินเป็นอย่างอื่นแทน

 

 

          “ใครว่าของฟรีไม่มีในโลก”...งานนี้แม้รัฐบาลต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลจนกระเป๋าแทบปริ แต่สิ่งที่ได้รับกลับคืนมาคือ “เรตติ้ง” แรงๆ ด้านบวกจากประชาชนที่เข้าร่วมโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าเมื่อรัฐบาลเริ่มตัดสายสะดือดำเนินโครงการดังกล่าว บรรดาฝ่ายค้าน นักวิชาการ และคนบางกลุ่มต่างออกมาค่อนแคะว่า “ชิมช้อปใช้” เป็นโครงการประชานิยมแบบง่าวๆ ที่รัฐบาลกำลังละลายเม็ดเงินกองมหึมาลงในแม่น้ำโดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่จะตามมาในอนาคตจากการใช้งบประมาณแบบสุรุ่ยสุร่าย และสะเปะสะปะ


          นอกจากนี้ฝ่ายค้านยังเปิดแผลสดด้วยการตั้งข้อสังเกตเรื่องความไม่โปร่งใสให้เห็นว่า รัฐบาลใช้ช่องโหว่ของโครงการชิมช้อปใช้เพื่อเปิดทางให้คนที่อยู่เหนือห่วงโซ่อาหารเข้ามาตักตวงหาผลประโยชน์...โดยเฉพาะบรรดาซูเปอร์มหาเศรษฐีเจ้าของกิจการยักษ์ใหญ่ที่เข้ามาผูกปิ่นโตเถาใหญ่ในโครงการดังกล่าวจนทำให้กระเป๋าตุงไปตามๆ กัน ซึ่งตรงนี้อาจเป็นจุดด่างเล็กๆ ของรัฐบาลที่ทำให้ใครหลายคนเกิดความกังขา แม้ว่าการเข้ามาในระบบของบรรดาเจ้าสัวเหล่านั้นจะชอบธรรมและถูกต้องตามกฎระเบียบที่วางไว้ก็ตาม


          เป็นการชำแหละข้อเสียของโครงการ “ชิมช้อปใช้” ให้เห็นเป็นฉากๆ แต่ในความเป็นจริงอยากบอกกลับไปตรงๆ ว่า “ใครจะแคร์” เพราะตราบใดที่เงินทุกบาททุกสตางค์จากโครงการประชานิยมดังกล่าวส่งตรงไปถึงมือประชาชนอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ขาดตกบกพร่องไปแม้แต่เศษเสี้ยวสลึง...ส่วนตัวถือว่า “โอเคนะ” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เศรษฐกิจฝืดเคือง การปัดเป่าทุกข์เข็ญของคนในชาติเป็นเรื่องสำคัญสุด ดังนั้นหากสิ่งใดที่รัฐบาลทำแล้วเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนก็ควรเร่งทำให้ถึงที่สุด แม้ในบางครั้งต้องจำใจกลืนเลือดตัวเองไปบ้างก็ตาม ซึ่งตรงนี้เราคงต้องให้เครดิตแก่รัฐบาล ไม่ใช่มัวตั้งหน้าตั้งตาจับผิด หรือก่นด่ากันตะพึดตะพือ




          ที่พูดไม่ใช่จะโลกสวยเอาแต่ยกยอปอปั้นโครงการ “ชิมช้อปใช้” ของลุงตู่แบบไม่ลืมหูลืมตา เพราะส่วนตัวไม่ได้ต้องการเห็นคนไทยเสพติดโครงการ “ประชานิยม” ใดๆ ทั้งสิ้น แต่ที่คล้อยตามผ่อนผันเพราะเหตุผลเดียวคือ อะไรที่ถึงมือ “ประชาชน” ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องดีๆ ที่น่าสรรเสริญ เพราะในอดีตที่ผ่านมาคนไทยคงได้เห็นแล้วว่า โครงการ “ประชานิยม” ไม่ว่าจะเป็นของรัฐบาลใด หากตอบโจทย์ทำให้ประชาชนทุกชนชั้นอยุู่ดีมีสุข ขอให้เชื่อขนมกินได้เลยว่า โครงการเหล่านี้จะไม่มีวันสิ้นสลายไปจากประเทศไทยอย่างแน่นอน...หากไม่ยังอินขอยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดๆ เช่น “โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค” ของรัฐบาล “ทักษิณ ชินวัตร” ที่ทุกวันนี้ยังเป็น “ของดีไม่มีวันตาย” อยู่ยั้งยืนยงยาวนานยิ่งกว่าผู้ริเริ่มนโยบายที่ตอนนี้จางหายจากไปไกลแล้ว...

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ