คอลัมนิสต์

ร่วมมือร่วมใจลดภัยท้องถนน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันอังคารที่ 1 ตุลาคม 2562

 

 

 

          นับเป็นเรื่องเศร้าสลดใจอย่างยิ่งจากโศกนาฏกรรมรถกระบะประสบอุบัติเหตุร้ายแรงที่บริเวณถนนกิ่งแก้ว ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี สมุทรปราการ เมื่อย่างเข้าเช้าวันอาทิตย์ที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ความสูญเสียจากอุบัติเหตุที่เกิดกับรถกระบะเป็นที่รับรู้กันในสังคมไทยมานานหลายปี ว่าการโดยสารไปบนกระบะนั้นเป็นอันตรายอย่างยิ่ง คนโดยสารมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่โดยสารภายในหลายเท่า ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐได้พยายามรณรงค์และพยายามบังคับใช้กฎหมายแต่ก็เป็นเรื่องยากยิ่ง ทั้งการบรรทุกผู้โดยสารในกระบะและการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ในช่วงเทศกาลที่ประชาชนเดินทางกันมากๆ เช่น ปีใหม่และสงกรานต์ รถกระบะมักถูกบันทึกเป็นลำดับต้นๆ ของพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุ มีผู้บาดเจ็บล้มตาย

 

 

 

          เมื่อช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ปี 2560 รัฐบาลพยายามออกมาตรการห้ามโดยสารในแค็บรถกระบะแต่ก็ถูกต่อต้านอย่างหนักสุดท้ายก็ต้องอนุโลม แต่ก็ยังคงบังคับใช้กฎหมายห้ามนั่งในกระบะเกิน 6 คน และห้ามนั่งบนขอบกระบะหรือฝาปิดท้าย กระแสและวิวาทะในคราวนั้นเกิดขึ้นเพราะในความเป็นจริงแล้วรถกระบะที่ออกแบบมานั้นสามารถใช้งานได้แบบอเนกประสงค์ ซึ่งเข้ากับวิถีของคนไทยที่นิยมการเดินทางเป็นหมู่คณะ ซึ่งถ้าหากว่ากันตามตัวบทกฎหมายแล้วก็ถือว่าผิด แต่ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่มักจะอนุโลมเพราะเห็นอกเห็นใจและความจำเป็นในการเลือกใช้รถยนต์ที่ซื้อหามาด้วยราคาแพง ซึ่งในที่สุดแล้วการปิดตาข้างหนึ่งกลับกลายเป็นดวงตาข้างที่ควรจะมองเห็นถึงอันตรายที่รออยู่ข้างหน้า

 


          อุบัติเหตุร้ายแรงครั้งล่าสุดนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแจ้งว่า เหตุการณ์นี้เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.รถยนต์ เพราะเป็นการใช้รถผิดประเภทนำรถกระบะมาบรรทุกประชาชนและเข้าข่ายผิดพ.ร.บ.การจราจรทางบก เนื่องจากใช้ความเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด อย่างไรก็ตามตำรวจจะเร่งสร้างการรับรู้ให้ประชาชนและผู้ขับขี่ให้ตระหนักถึงความปลอดภัยไม่ทำผิดกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ จากนั้นจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด เริ่มจากการจับเตือนและหากพบการฝ่าฝืนอีกก็จะจับดำเนินคดีทันที ขณะที่มูลนิธิประชาปลอดภัยแนะนำว่า ควรใช้มาตรการจำกัดความเร็วตามกฎหมายกำหนดคือไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างเคร่งครัด และต่อเนื่องตลอดทั้งปี และประชาชนก็ต้องร่วมมือปฏิบัติตามด้วย




          หากจะสรุปบทเรียนจากอุบัติเหตุร้ายแรงที่เกิดกับรถปิคอัพหลายครั้งที่ผ่านมา ถ้าตัดเรื่องสภาพแวดล้อม ลักษณะทางกายภาพของท้องถนนออกไปแล้วก็จะพบจุดอ่อน 2 ส่วน คือ ผู้ขับขี่ กับการบังคับใช้กฎหมาย อย่างแรกนั้นนอกจากการรณรงค์ให้ความรู้ แนะนำ ตักเตือนไปจนถึงดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ในส่วนของประชาชนเองก็ควรต้องให้ความร่วมมืออย่างจริงจังและต่อเนื่องเพื่อชีวิตของตนเองและความปลอดภัยของส่วนรวม สำหรับการบังคับใช้กฎหมาย นอกจากการทำหน้าที่ของตำรวจบนท้องถนน ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่มีทางที่จะทำได้ทั่วแล้วหน่วยงานอื่นๆ เช่นกรมการขนส่งทางบก กระทรวงคมนาคมก็ต้องเข้มงวดกวดขันเรื่องการตรวจสภาพรถเพื่อต่อทะเบียน หากทุกฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกันแล้วก็เชื่อว่าจะลดความสูญเสียลงได้

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ