คอลัมนิสต์

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

 

 

 

          รายการเนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3 บก. ออกอากาศทุกวันเสาร์เวลาห้าโมงเย็นทางเนชั่นทีวีช่อง 22 “สมชาย มีเสน” ซีอีโอเครือเนชั่น ”วีระศักดิ์ พงษ์อักษร“ บรรณาธิการบริหาร นสพ.กรุงเทพธุรกิจ และ ”บากบั่น บุญเลิศ“ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นสพ.ฐานเศรษฐกิจ ร่วมวิเคราะห์ประเด็น ”จับพิรุธ !ทรัพย์สินธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการการเมือง”

 

 

          “บากบั่น" กล่าวว่า นสพ.ฐานเศรษฐกิจ จัดพิมพ์หนังสือเกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน เขียนโดย น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ ที่เขียนถึง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์​ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ โดยสองอดีตนายกรัฐมนตรี (ชวน หลีกภัย, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) และนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเขียนคำนิยมให้ จัดจำหน่ายในช่วงสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ซีเอ็ดบุ๊ค และนสพ.ฐานเศรษฐกิจ โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายมอบให้มูลนิธิรัฐบุรุษ

 

 

 

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

 


          “สมชาย" กล่าวว่า การเมืองวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวมทั้ง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ คือตัวแปรทางการเมือง หลายวันที่ผ่านมานายกฯ ไปประชุมยูเอ็นที่สหรัฐโดยมีคนไทยมาต้อนรับ รวมทั้งมีการจ้างคนต่างชาติมาถือป้ายประท้วง และมีคนไทยถือป้ายขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงการหารือที่เอเชียโซไซตี้ และปาฐกถาเรื่อง ”การเสริมสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อความยั่งยืนระหว่างประเทศ จากความแข็งแกร่งภายในสังคมไทย” ตอนนี้มีเอกสารหลุดในโลกออนไลน์ว่าธนาธรจ้างล็อบบี้ยิสต์สหรัฐ (APCO worldwide LLC) ดำเนินการโจมตีขั้วตรงข้ามและสร้างภาพลักษณ์ให้ตัวเอง แม้พรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่าเป็นเอกสารจริง ไม่ได้หลุดออกมาก็ตาม

 

 

 

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

 


          “บากบั่น" ระบุว่า เอกสารระบุว่าธนาธรจ้างล็อบบี้ยิสต์รายนี้ดำเนินการกิจกรรมทางการเมืองหกเดือน เดือนละหนึ่งหมื่นดอลลาร์ แม้พรรคอนาคตใหม่ชี้แจงเหตุผลต่างๆ และอ้างว่าต้องเปิดเผยสัญญานี้ตามกฎหมายสหรัฐก็ตาม แต่เมื่อไปดูบันทึกข้อเก้าของเอกสารนี้ระบุว่าให้ล็อบบี้ยิสต์รายนี้ดำเนินกิจกรรมทางการเมืองด้วย โดยธนาธรได้อนุมัติในสัญญาจ้างฉบับนี้ด้วย

 



          “วีระศักดิ์" ประเมินว่า เอกสารชุดนี้พรรคอนาคตใหม่บอกว่าเป็นเอกสารที่ต้องเปิดเผยในการทำงานเพื่อประชาธิปไตยตามสัญญาจ้างและทำตามกฎหมายสหรัฐ แต่โลกออนไลน์รับรู้เอกสารชุดนี้ที่หลุดออกมาก่อนที่พรรคจะแถลงข่าวนี้


          เอกสาระบุว่าล็อบบี้ยิสต์มีภารกิจจัดตารางและนัดคิวให้ธนาธรในการพบบุคคลต่างๆ และไม่เกี่ยวข้องกับการสร้างสถานการณ์ รวมทั้งยืนยันว่าการเดินทางไปต่างประเทศของธนาธรนั้นสร้างประโยชน์ให้ประเทศ แต่น่าคิดว่าทำไมจ้างหกเดือนคือถึงสิ้นปีนี้

 

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

 


          ส่วนคนไทยที่ไปประท้วงนายกฯ นั้น หลายคนรู้แล้วว่ามีความสัมพันธ์กับส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคอนาคตใหม่บางคนรวมทั้งแกนนำกลุ่มที่ต้านนายกฯ ในประเทศ


          “สมชาย” สรุปว่า อาจเป็นไปได้ว่าสัญญาจ้างครั้งนี้ผู้จ้างและผู้รับจ้างรู้กำหนดการของนายกฯ ดังนั้นการประท้วงนายกฯ ครั้งล่าสุดนี้ต้องดูว่าการดำเนินการข้างต้นอยู่ในบันทึกข้อเก้าของสัญญาจ้างนี้หรือไม่


          ส่วนการแจ้งบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อป.ป.ช.ของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่นั้น


          “สมชาย" กล่าวว่า พรรคการเมืองอยู่ในกฎหมายมหาชน แต่นักกฎหมายพรรคอนาคตใหม่บอกว่ากฎหมายไม่มีข้อห้ามให้พรรคกู้เงินจากบุคคลอื่น พรรคจึงดำเนินการกู้เงินธนาธรได้ ธนาธรแจ้งป.ป.ช.ว่ามีทรัพย์สินห้าพันกว่าล้านบาท หนี้สินหกแสนกว่าบาท รายได้ประจำปีนั้นมีเงินเดือนส.ส.และเงินประจำตำแหน่งรวมไว้ด้วย

 

 

 

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

 


          โฆษกพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวว่าบลายด์ทรัสต์ของธนาธรเป็นเอ็นโอยู ยังไม่ใช่สัญญา เพราะหัวหน้าพรรคยังไม่ทำหน้าที่ส.ส. แต่ทำไมธนาธรแจ้งบัญชีต่อป.ป.ช.ที่รวมเงินเดือนส.ส.และเงินประจำตำแหน่งไว้ด้วย


          อย่าลืมว่าในอดีตนั้นนักการเมืองลงสัตยาบันแล้วยังฉีกได้ ดังนั้นเอ็มโอยูชิ้นนี้ก็ฉีกได้เช่นกันโดยมือของพรรคอนาคตใหม่


          ปัญหาคือว่าแม้จะโอนทรัพย์สินของธนาธรเข้าบลายด์ทรัสต์ยังไม่เกิดและไม่มีกฎหมายกำหนดก็ตาม แต่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แถลงข่าวนี้ต่อสังคมว่าจะทำแต่ยังไม่ได้ทำ แปลว่าหัวหน้าพรรคนี้หลอกสังคม สังคมเป็นเหยื่อ ตนเคยเตือนแล้วว่าสิ่งที่บางคนหาเสียงแบบนี้ คำตอบวันนี้มันชัดแล้วว่ามันคือการหลอกลวงสังคม


          “บากบั่น” ระบุว่า ก่อนเลือกตั้งไม่กี่วันธนาธรแถลงข่าวว่าต้องการสร้างมาตรฐานนักการเมืองใหม่โดยจะโอนทรัพย์สินของตัวเองไปยังบลายด์ทรัสต์และอ้างว่าตัวเองเป็นคนแรกๆ ทางการเมืองที่ดำเนินการแบบนี้ ความจริงอดีตรัฐมนตรีคนอื่นๆ เคยทำแบบนี้มาก่อนแล้ว แต่ไม่มีใครออกมาพูดแบบธนาธร ดังนั้นเหตุนี้ประชาชนโดนหลอกธนาธรหรือไม่


          เพราะเมื่อพิจารณาสิ่งที่ป.ป.ช.เปิดเผยพบว่าธนาธรยังไม่มีการทำบลายด์ทรัสต์

 

 

 

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

 


          “วีระศักดิ์" กล่าวว่า หากกฎหมายพรรคการเมืองฉบับเก่าบังคับใช้อยู่นั้นคดีความของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ในวันนี้คงไม่เกิดขึ้น แต่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน มาตราสี่สิบห้าที่อุดช่องว่างไม่ให้บุคคลไปครอบงำพรรคการเมืองและกฎหมายพรรคการเมืองฉบับใหม่ระบุชัดว่าไม่ให้บุคคลหรือนายทุนครอบงำพรรคได้ และระบุเจ็ดเงื่อนไขกิจกรรมที่อนุญาตพรรคการเมืองว่าจะมีรายได้ให้พรรคได้อย่างไร


          ธนาธรยื่นบัญชีต่อป.ป.ช.ว่าให้พรรคกู้เงินหนึ่งร้อยเก้าสิบเอ็ดล้านบาท แม้ก่อนหน้านี้จะเคยบอกสื่อต่างชาติว่าให้พรรคกู้เงินหนึ่งร้อยสิบล้านบาท


          “สมชาย" กล่าวว่า เงินกู้ที่พรรคดำเนินการกับธนาธรนั้นมีสองครั้ง น่าสังเกตว่าพรรคอนาคตใหม่ตั้งขึ้นในช่วงเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และระดมทุนเข้าพรรคไม่ได้จึงอาจเป็นไปได้ว่าพรรคใช้เงินของธนาธรล่วงหน้าแล้วมาบันทึกเป็นเงินกู้หนึ่งร้อยหกสิบล้านบาทเศษแบบลงบัญชีย้อนหลัง และการกู้เงินครั้งที่สองจึงระบุสามสิบล้านบาทถ้วน


          “บากบั่น" ตั้งข้อสังเกตว่า เงินกู้ครั้งแรกนั้นพรรคอนาคตใหม่ใช้หมดภายในสามเดือน แล้วจึงเกิดการกู้ครั้งที่สองจากธนาธร


          “วีระศักดิ์“ ประเมินว่ามันเป็นไปได้หลายอย่างกับการกู้เงินของพรรคนี้ที่จะอ้างเหตุผลต่างๆ เช่น กู้สมทบล่วงหน้า และธนาธรสร้างคำใหม่ขึ้นมาว่า ”การกู้เงินไม่ต้องลงบัญชีว่าเป็นรายได้ เงินกู้ไม่ใช่รายได้ และชี้แจงต่อกกต.ไปนานแล้ว” ตรรกะหลักบัญชีของเอกชนคิดอีกแบบหนึ่ง และพรรคการเมืองที่อยู่ในหลักกฎหมายมหาชนต้องใช้อีกตรรกะหนึ่ง

 

 

 

จับพิรุธ..ทรัพย์สิน ธนาธร เจาะปัจจัยเปลี่ยนสมการ การเมือง

 


          เจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวไว้ว่า "กรณีดังกล่าวต้องวางหลักการให้ชัดก่อนว่า พรรคการเมืองไทยมีสถานะเป็นองค์กรเอกชนหรือองค์กรมหาชน หากมีสถานะเป็นองค์กรเอกชนเหมือนบริษัทห้างร้านทั่วไปก็มีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้ที่กฎหมายไม่ได้บัญญัติห้ามไว้ แต่ถ้าพรรคการเมืองมีสถานะเป็นองค์กรมหาชนซึ่งไม่ใช่องค์กรที่แสวงหากำไรเหมือนบริษัทห้างร้าน การจะทำอะไรในสิ่งที่แม้กฎหมายไม่ได้ห้าม ก็ทำไม่ได้ คือจะทำได้เฉพาะสิ่งที่กฎหมายอนุญาตเท่านั้น


          ทั้งนี้มาตรา 62 ของพ.ร.ป.พรรคการเมืองระบุถึงรายได้พรรค 7 ช่องทางซึ่งไม่ได้บัญญัติเปิดช่องให้กู้ยืมเงินจากแหล่งเงินกู้ใดๆ ได้ หากตีความว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรเอกชนก็จะสามารถกู้เงินได้ เพราะกฎหมายไม่ได้บัญญัติห้าม แต่ถ้าตีความว่าพรรคการเมืองเป็นองค์กรมหาชนก็จะไม่สามารถกู้เงินได้ เพราะกฎหมายบังคับให้มีรายได้จาก 7 ช่องทางนี้เท่านั้น เรื่องนี้ยังไม่มีบรรทัดฐานชัดเจนจึงต้องรอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยและวางบรรทัดฐาน


          ส่วนที่ธนาธรไปอ้างหลักกฎหมายเกี่ยวกับการทำธุรกิจว่าเงินกู้ไม่ใช่รายได้นั้นเป็นคนละเรื่องกัน และไม่สามารถนำมาเทียบเคียงกับพรรคการเมืองได้เลย ประกอบกับองค์กรเอกชนเองก็มีหลายประเภท ทั้งห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด บริษัทมหาชน ซึ่งแต่ประเภทก็มีข้อกำหนดแตกต่างกันไป และเป็นคนละเรื่องกับพรรคการเมือง"


          “สมชาย” กล่าวว่า ควรรอการวินิจฉัยของกกต.ในเรื่องนี้ว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ และเป็นการชี้ชะตาพรรคอนาคตใหม่


          “บากบั่น” สรุปว่าถ้าพรรคการเมืองกู้เงินบุคคลอื่นได้ หากพรรคนั้นๆเข้ามาทำงานบริหารบ้านเมือง แบบนี้พรรคนั้นๆ จะโดนครอบงำจากคนที่ให้พรรคนั้นๆ กู้เงินได้


          ส่วนปัจจัยเปลี่ยนสมการการเมืองที่ตอนนี้ส.ส.หลายคนส่อแววยุติการปฏิบัติหน้าที่และต้องเลือกตั้งซ่อมส.ส.นั้น


          “วีระศักดิ์" ตั้งคำถามว่า การเลือกตั้งซ่อมนั้นมีผลแปรผันกับสถานการณ์การเมืองของฝ่ายค้านกับรัฐบาลเช่นใด


          “สมชาย” ประเมินว่าตอนนี้พรรครัฐบาลมีสองร้อยห้าสิบเอ็ดเสียง ฝ่ายค้านมีสองร้อยสี่สิบเจ็ดเสียง (ไม่รวมธนาธร) มีแนวโน้มสี่เขตต้องเลือกตั้งใหม่ คือ นครปฐม (อนาคตใหม่), ขอนแก่น (เพื่อไทย), กำแพงเพชรและสมุทรปราการ (พลังประชารัฐ)


          การทำงานที่ผ่านมาเหมือนว่ากกต.เตะลูกทิ้งหลายครั้งและบางกรณีเสนอให้องค์กรอิสระและฝ่ายกระบวนการยุติธรรมพิจารณา ทั้งๆ ที่กกต.ดำเนินการเองได้


          หากสี่เขตที่ต้องเลือกตั้งใหม่พรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลส.ส.จะหายไปฝั่งละสองเสียง การลงมติในสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่จะถึงนี้ รัฐบาลต้องเสนอร่างกฎหมายและลงมติ (ไม่นับรวมการเสนอร่างกฎหมายงบประมาณที่เป็นสมัยประชุมวิสามัญ) ตอนนี้มีกระแสงูเห่าขึ้นมาแล้วเพราะคะแนนของสองฝ่ายใกล้กัน


          ดังนั้นหากมองการเลือกตั้งซ่อมในแต่ละเขตนั้นจะพบว่าเขตห้า นครปฐม (จุมพิตา จันทรขจร) พรรคอนาคตใหม่ มีสามหมื่นสี่พันกว่าคะแนน ที่ผ่านมาพบว่าผู้สมัครของพรรคนี้ทะเลาะกันเอง และพรรคร่วมรัฐบาลที่แพ้นั้นจะลงแข่งขันด้วย เขตสอง กำแพงเพชร (พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์) พรรคพลังประชารัฐ ชนะคู่แข่งหลักหมื่นคะแนน ตรงนี้มั่นใจได้ว่าพปชร.คงรักษาพื้นที่ไว้ได้ เขตห้า สมุทรปราการ (กรุงศรีวิไล สุทินเผือก) พรรคพลังประชารัฐ ชนะพรรคอื่นๆ ราวหนึ่งหมื่นคะแนน เขตเจ็ด ขอนแก่น (นวัธ เตาะเจริญสุข) พรรคเพื่อไทย ชนะคู่แข่งจากพรรคพลังประชารัฐราวสามพันคะแนน ตรงนี้น่าจะสู้กันสูสี


          ตนไม่เชื่อว่าจะเกิดระบบฮั้วคะแนนกันเพราะมันกระทบส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่แต่ละพรรคมี กฎหมายกำหนดว่าหากมีการเลือกตั้งใหม่ในหนึ่งปีต้องคำนวณคะแนนใหม่ของแต่ละพรรค โดยพรรคเล็กอาจไม่มีส.ส.และพรรคใหญ่นั้นคนอันดับท้ายอาจหลุดตำแหน่งส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แต่พรรคเพื่อไทยอาจฮั้วกับพรรคอนาคตใหม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยไม่มีโอกาสได้ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพราะคะแนนพึงมีนั้นเกินไปแล้ว


          และรอติดตามการพิจารณาเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้งหนึ่งร้อยกว่าเรื่องที่ยังอยู่ในการพิจารณาของกกต.ว่าจะสรุปออกมาเช่นใด


          “บากบั่น" สรุปว่า การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้มีผลแปรผันสำหรับฝ่ายค้านและรัฐบาล ระหว่างการได้ส.ส.เขตเพิ่มหรือลดลงในสี่เขตดังกล่าว ที่ส่งผลต่อจำนวนส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ของหลายพรรคด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ