คอลัมนิสต์

สิ้นยุค "เดอะแป๋ง" "อังกินันทน์" ต้องไปต่อ? 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

รายงานพิเศษ จากหนังสือพิมพ์คมชัดลึก ฉบับวันที่ 28-29 ก.ย.62

 

 

****************************

 

สิ้นเจ้าพ่อเมืองเพชร หรือ “เดอะแป๋ง” ปิยะ อังกินันทน์” นอกเหนือจากเส้นทางชีวิตอันโชกโชนในทางการเมือง ค่าที่เป็นอดีต ส.ส.เพชรบุรี 6 สมัย และมีเครือข่ายทายาททางการเมืองทั้งระดับชาติและท้องถิ่นมากมาย

 

คำถามจากนี้คือภาพของการเมืองถิ่นคนดุใจนักเลงจะออกมารูปแบบไหน เพราะขึ้นชื่อว่า “เกม” ไม่มีสูตรเดิม ไม่มีผู้แพ้ทั้งชีวิต ไม่มีผู้ชนะตลอดกาล

 

 

ตำนานคนใหญ่เมืองขนม

 

เรื่องราวของคนใหญ่คนโตระดับที่เรียกกันว่า “เจ้าพ่อ” เมืองไทยมีเจ้าตำนานมากมายกระจายไปตามท้องที่

 

ที่สำคัญคือคนเหล่านี้เข้าไปมีบทบาททางการเมืองมานาน มีลักษณะร่วมกันคือเป็นนักธุรกิจในต่างจังหวัดที่สะสมความมั่งคั่งจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจในยุคใดยุคหนึ่ง

 

 

สิ้นยุค "เดอะแป๋ง" "อังกินันทน์" ต้องไปต่อ? 

ปิยะ อังกินันทน์ หรือ เฮียแป๋ง

 

 

สำหรับพื้นที่ จ.เพชรบุรี เมืองด่านสำคัญระหว่างภาคกลางและภาคใต้ สำเนียงเสียงพูดรัวเร็วแบบใต้ แปร่งเหน่อมีเอกลักษณ์ ที่นี่มี “ปิยะ อังกินันทน์” หรือ เฮียแป๋ง ผู้โลดแล่นเติบใตในเส้นทางคนโตมาอย่างโชกโชนเป็นตำนาน

 

ปิยะ เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2476 เป็นบุตรชายคนโตของ ผาด อังกินันทน์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี และบุญยวด อังกินันทน์

 

มีน้องชายคือ ยุทธ (เปี๊ยก) อังกินันทน์ อดีต ส.ส.เพชรบุรี 7 สมัย อดีต รมช.กระทรวงเกษตรฯ และรมช.กระทรวงแรงงาน นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี (คนปัจจุบัน)

 

เดอะแป๋ง สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง สมรสครั้งแรกกับอุไร (สิ่ม) อังกินันทน์ มีบุตร-ธิดา รวม 3 คน คือ 

 

1.สุขสันต์ (โป๋) อังกินันทน์ รองนายก อบจ.เพชรบุรี 2.ปานจิต (น้อง) ชิ้นศิริ และ 3.ชัยยะ (ปราย) อังกินันทน์ นายก อบจ.เพชรบุรี เมื่ออุไรถึงแก่กรรม ได้สมรสครั้งที่สองกับสุคัณธา มีธิดา 1 คน คือ ปิยะนาต (แจม)

 

 

 

ตระกูลการเมืองของแท้

 

จากข้างต้นเราได้เห็นแล้วว่าคนตระกูลอังกินันทน์กับสนามการเมืองทั้งเล็กและใหญ่แทบเป็นลมหายใจ

 

หนังสือพิมพ์เพชรภูมิ เพชรนิวส์ ให้ข้อมูลไว้ละเอียดว่า ต้นตระกูลรุ่นปู่ของเดอะแป๋งก็เป็นถึง "ขุนอังกินันทนพงศ์" ทนายความที่มีชื่อเสียงของเมืองเพชรในยุคนั้น

 

ขณะที่ ผาด” ผู้เป็นพ่อก็เดินรอยตามในเส้นทางทนายความ หลังจากตกร่องลงเอยกับ “บุญยวด”   จนมีลูกสองคน “เดอะแป๋ง” และ “เดอะเปี๊ยก”

 

แต่ที่สุดผาดก็ตัดสินใจเข้าสู่วงการเมืองท้องถิ่น ซึ่งจะว่าไปน่าจะตามรอย ทองพูน อังกินันทน์ พี่ชายต่างมารดามากกว่า เพราะรายนี้เป็น ส.ส.คนที่ 3 ของเพชรบุรี มาตั้งแต่ปี 2481 สมัยนั้นมีเขตเดียวทั้งจังหวัด

 

 

สิ้นยุค "เดอะแป๋ง" "อังกินันทน์" ต้องไปต่อ? 

 

 

ที่สุดผาดได้รับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาเทศบาลเมืองเพชรบุรี ตามมาด้วย นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบุรี ตั้งแต่ปี 2491 เป็นต้นมา จนกระทั่งมาเป็นส.ส.เพชรบุรี ในปี 2500 พรรคสหภูมิ

 

ถึงตรงนี้จึงไม่น่าแปลกใจที่พอมาถึงรุ่นของเดอะแป๋งบุตรชายคนโต ที่จะทิ้งงานแบงก์หันมาลงการเมืองบ้าง โดยเริ่มจากเป็นสมาชิกสภาจังหวัด เมื่อปี 2500 ตามด้วยสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเพชร ช่วงปี 2508-2509

 

ก่อนที่จะประเดิมลงส.ส.ในปี 2512 สังกัดพรรคสหประชาไทย แต่สอบตก กลับไปเป็นประธานสภาจังหวัดช่วงหนึ่งจนมาทำสำเร็จได้เป็น ส.ส.ครั้งแรกเอาช่วงปี 2518 สังกัดพรรคชาติไทย

 

จากนั้นดูเหมือนว่าโลกก็หยุดเขาไม่อยู่ เพราะเฮียแป๋งได้รับเลือกเรื่อยมารวม 6 สมัย แถมถ้าสังเกตคนอื่นจะยังไงไม่รู้ แต่การเมืองของเฮียแป๋งคือเข้าพรรคไหนก็สอบติด! 

 

ไล่ตั้งแต่ปี 2522 พรรคสยามประชาธิปไตย ปี 2526 พรรคชาติประชาธิปไตย ปี 2531 พรรคชาติไทย ปี 2535/1 พรรคชาติไทย ปี 2539 พรรคกิจสังคม

 

 

 

การเมืองเรื่องเกินเดา

 

แต่การเมืองก็เหมือน “เกม” ยุคสมัยเปลี่ยน สูตรเกมออกใหม่เรื่อยๆ เจ้าพ่อตะวันตกอย่างเฮียแป๋ง ผู้ได้รับการยอมรับว่า “ใจถึงพึ่งได้” ยุคแรกๆ ของนักการเมืองไทย สะสมบารมีลูกน้องบริวารจำนวนมา

 

 

 ทั้ง “ยุทธ” น้องชาย ยังดูแลกลุ่มการเมืองที่เรียกว่า  กลุ่มผาด” หรือ กลุ่มผาด อังกินันทน์” ยิ่งใหญ่ในสนามเทศบาลเมืองเพชรบุรี

 

คนพี่เป็นส.ส.เพชรบุรี 3 สมัย คนน้องเป็น ส.ส.เพชรบุรี 7 สมัย และรุ่นหลานอีกหลายคนได้โลดแล่นในสนามเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและระดับชาติอย่างต่อเนื่อง ยุคหนึ่งใครๆ ต้องคิดไม่ถึงว่าจะมีวันที่เกมเปลี่ยน แม้แต่เจ้าตัว 

 

 

สิ้นยุค "เดอะแป๋ง" "อังกินันทน์" ต้องไปต่อ? 

เฮียแป๋ง กับยุทธ

 

 

ที่สุดนับจากปี 2535 เมื่อกระแส คนใต้เลือกชวน” แผ่ขยายไปทั่วแดนสะตอของไทย พื้นที่เพชรบุรีก็เริ่มมีส.ส อย่าง อลงกรณ์ พลบุตร” จากพรรคประชาธิปัตย์ ที่ชนะเลือกตั้งครั้งที่เรียกว่า “35/2” หลังพฤษภาทมิฬ คนไทยมีนายกฯ ชื่อชวน หลีกภัย

 

แต่ระหว่างนั้นทั้งเดอะแป๋งและเดอะเปี๊ยกก็ยังมีชื่อสอบติด โดยคนพี่มาสอบได้ในปี 2539 ขณะที่น้องชายฟาดเรียบทั้ง 35/2,  2538 และ 2539

 

แต่จากนั้นเกมก็เปลี่ยนไปตลอดกาล นับแต่ปี 2544-2548 กระแส “ทักษิณ-ไทยรักไทย” มาแรง แป๋งย้ายไปสังกัดพรรคนายใหญ่ แต่เขาอ่านเกมผิด!

 

เพราะพื้นที่เมืองเพชรถูกค่ายสีฟ้ายึดไว้หมดทั้งเขต 1 เขต 3 โดย อลงกรณ์ พลบุตร,  อภิชาต สุภาแพ่ง ตามลำดับ และมีคนจากไทยรักไทยโผล่ได้ ส.ส.ที่เขต 2 คือ ธานี ยี่สาร

 

ยิ่งการเลือกตั้งปี 2550, 2554 พื้นที่แดนต้นตาลทั้ง 3 เขต กลายเป็นสีฟ้าทั้งหมด โดยเฉพาะนับจากช่วงปี 2548 กลุ่มการเมืองเพชรบุรีก็มีกลุ่มพันธมิตรฯ เกิดขึ้นมาเป็นกลุ่มผลประโยชน์ใหม่ และมีการเคลื่อนไหวอย่างกว้างขวางในพื้นที่จนมีผลต่อชัยชนะของปชป.ในการเลือกตั้งปี 2550 (ยาวมาถึงม็อบ กปปส.)

 

ก่อนที่เกมจะพลิกในฝั่งสีฟ้าอย่างจัง ช่วงเลือกตั้งปี 2562 เมื่อหัวหน้ามาร์ค อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เดินสูตรผิดชีวิตเปลี่ยน ประกาศไม่เอาทหาร จนขนมหวานเมืองเพชรทั้งจังหวัดโดนส.ส.หน้าใหม่จากพรรคพลังประชารัฐเหมาหมด

 

 

 

อนาคตรอคำตอบ

 

น่าสนใจที่เดอะแป๋งเคยพูดวรรคทองตั้งแต่ตัวเองแพ้เลือกตั้ง 2535/2 ว่า คนเห่อของใหม่ แล้ว (ตัวเอง) ก็ไม่เด็ดขาดเหมือนเมื่อก่อน” หากแต่เขาวางมือทางการเมืองจริงจังในปี 2550 หลังพ่ายแพ้ยับในเสื้อพรรคพลังประชาชน

 

จากนั้นภาพที่โลกเคยเป็นของคนชื่อเแป๋ง จึงเหมือนเจือจางลงและวางปัจจุบันไว้ที่ปีกเงาทางการเมืองของทายาท เพราะปี 2551 ชัยยะ บุตรชายได้รับเลือกเป็นนายก อบจ.เพชรบุรี จึงแต่งตั้งบิดามาเป็นรองนายกฯ อบจ.ด้วย

 

 

สิ้นยุค "เดอะแป๋ง" "อังกินันทน์" ต้องไปต่อ? 

ยุทธ อังกินันทน์

 

 

แต่เหมือนไฟยังไม่มอด ปี 2554 ลุกขึ้นมาสังกัดพรรคเพื่อไทย แต่เงียบไปจนมาถึงการเลือกตั้งต้นปี 2557 เฮียแป๋งย้ายกลับพรรคชาติไทยพัฒนา สมัครเขต 2 เพชรบุรี โดยมียุทธพล บุตรชายของยุทธ อังกินันทน์ ลงเขต 1

 

วันนั้นตระกูลอังกินันทน์เกือบได้ประกาศชัยชนะของหลานชาย ถ้าการเลือกตั้งครั้งนั้นไม่กลายเป็นโมฆะไปเสียก่อน

 

สุดท้ายหันไปข้างเจ้าพ่อตะวันตกอย่าง “เดอะแป๋ง” ดูเหมือนว่าคงถึงเวลาวางมือจริงๆ เสียที เฝ้าดูทายาททำการเมืองท้องถิ่น

 

เพราะเขามีทั้ง ชัยยะ อังกินันทน์ นายก อบจ.เพชรบุรี และ สุขสันต์ อังกินันทน์ รองนายก อบจ.เพชรบุรี สืบทอดมาถึงปัจจุบัน ขณะที่ลูกสาวจากภรรยาอีกคนอย่าง ปิยะนาต ก็ยังเป็นปลัดอำเภอใน จ.สระแก้ว อีกด้วย

 

 

สิ้นยุค "เดอะแป๋ง" "อังกินันทน์" ต้องไปต่อ? 

ชัยยะ และ สุขสันต์ อังกินันทน์ 

 

 

การเมืองรุ่น 1 ที่ ผาด อังกินันทน์ สร้างสมผู้คน เสบียงกรัง และต้นทุนทางสังคมล้นปรี่จนส่งต่อมายังรุ่นลูกหัวแก้ว “ปิยะ” และหัวแหวน “ยุทธ” เดินตามรอยได้อย่างสมเกียรติภูมิ

 

แม้รุ่นตัวเองก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยสายเลือดของคนโต ใจนักเลง และสร้างสมบารมีจนร่ำรวยจากธุรกิจ เดอะแป๋งทำมาหมดทั้งคุมคิวรถตู้โดยสาร หรือการได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ตรวจการขนส่งสายใต้

 

ภาพการเมืองไทยเป็นเรื่องของการใช้อิทธิพลเป็นเครื่องมือ  การพึ่งเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ที่จะเข้ามาเป็นหัวคะแนนให้รวมถึงการเข้าไปช่วยเหลือเกื้อกูลชาวบ้านในรูปแบบต่างๆ  นี่คือสายสัมพันธ์ที่ทำให้ทุกๆ จังหวัดมีเจ้าตำนานเป็นของตนเองทั้งสิ้น

 

วันนี้น่าสนใจว่ารุ่นลูกที่กำลังโลดแล่นในสนามการเมืองท้องถิ่นเมืองเพชร จะมองเส้นทางการเมืองสนามใหญ่ไว้แบบไหน “สานต่อ-ตำนานพ่อ” หรือ “หยุดตรงนี้-ที่ท้องถิ่น”

 

อย่าลืมว่าเกมเปลี่ยนได้เสมอ ถ้าเราเลือกอยู่ถูกที่ ถูกเวลา และถูกคน

 

**************************

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ