คอลัมน์... วงในวงนอก โดย….อสนีบาต [email protected]
ถ้ารัฐธรรมนูญมีชีวิต ก็คงอยากเรียกร้องขอความเป็นธรรมบ้าง
เพราะนับตั้งแต่นักการเมืองผู้ได้สิทธิสวมสูทผูกเนกไทกลายเป็นผู้แทนอันทรงเกียรติเข้าไปนั่งหน้าสลอนอยู่ในสภา ก็เริ่มมีรังสีแห่งอำนาจครอบงำ ออกไปพูดที่ไหนต่อที่ไหนก็ทำให้ผู้คนกริ่งเกรงไปหมด ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม ตั้งแต่ทำตัวกร่างกับเจ้าหน้าที่ตำรวจบ้าง ออกมาตะลุมบอนกันบ้างทั้งที่อยู่พรรคเดียวกันแท้ๆ
บ้างออกไปยุยงส่งเสริมปลุกระดมเดินถนนเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวหารัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเฮงซวยทุกมาตราบ้าง กล่าวหาองค์กรอิสระเป็นเครื่องมือทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามบ้าง
น่าเห็นใจรัฐธรรมนูญนะครับ กำลังถูกผู้แทนอันทรงเกียรติบางคนบางกลุ่มซึ่งเกิดจากผลผลิตจากรัฐธรรมนูญฉบับนี้แท้ๆ ปู้ยี่ปู้ยำกระทำชำเรา ทั้งที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันผ่านการลงมติจากประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ
พินิจพิเคราะห์สิ่งที่กำลังรณรงค์เรียกร้องอยู่บนฐานอะไรบ้าง เพราะการอ้างว่าเป็นตัวแทนประชาชนจึงประกาศจะทำอะไรก็ได้ หรืออยากแก้มาตราโน้นมาตรานี้ เพราะเป็นอุปสรรคต่อวงศาคณาญาติ เข้ามาสู่อำนาจไม่สะดวกหรือไม่ จึงต้องระเบิดปากอุโมงค์เสียก่อนเพื่อเข้าไปหยิบขุมทรัพย์ที่อยู่ข้างใน
ตั้งแต่รัฐธรรมนูญปี 2540 ออกแบบให้มีองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญส่งผ่านมาถึงรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น กกต. ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ต่างทำหน้าที่ตรวจสอบตามปกติแต่พ่อคุณทูนหัวออกมาประกาศกร้าว จะยุบศาลรัฐธรรมนูญซะนี่
ทันทีที่ผลการวินิจฉัยไม่ถูกใจก็ออกมาแสดงความเห็นระดับมหาศาสดานิติศาสตร์ วิพากษ์วิจารณ์ศาล เลาะเลี้ยวจนดูน่าหวาดเสียวจะเข้าข่ายหมิ่นประมาท ก้าวล่วงละเมิด ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่งามเลย
วันดีคืนดี 7 พรรคฝ่ายค้านแถลงเตรียมใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญยื่นเรื่องป.ป.ช.ให้ตรวจสอบจริยธรรม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ต่อปมถวายสัตย์ ที่อุตส่าห์ชี้แจงผ่านเวทีการอภิปรายทั่วไปแล้ว
แต่ขณะเดียวกันท่านผู้ทรงเกียรติโดนโทษประหารและถูกคุมขังพ้นสภาพส.ส. กลับออกมาปกป้องว่ายังไม่หลุดเก้าอี้ หลงลืมจริยธรรมตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกันเสียนี่
รัฐธรรมนูญออกแบบองค์กรอิสระมาดีอยู่แล้ว เช่น ป.ป.ช. กำหนดให้นักการเมืองเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อสาธารณชน ล้วนเป็นเรื่องที่ดีของการเริ่มต้นแสดงความโปร่งใส สามารถตรวจสอบพวกท่านได้เมื่อเข้าสู่ตำแหน่งที่ต้องรับผิดชอบบริหารกิจการบ้านเมือง ไม่ว่าจะเป็นนายกฯ ข้าราชการระดับสูง ส.ส. สว. ฯลฯ
ในเมื่อพวกท่านไปอวดสรรพคุณตัวเอง “ไว้เยอะ” ก่อนเข้ามาเป็นส.ส.ว่าตัวเองบริสุทธิ์ผุดผ่องจนประชาชนหลงเชื่อ จึงต้องมีระบบการตรวจสอบอีกชั้นผ่านการแสดงบัญชีทรัพย์สิน เพื่อยืนยันว่าท่านไม่ได้โกหก ท่านทำจริง ไม่ว่าจะเป็นการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สิน ต้องแจ้งอย่างตรงไปตรงมา ซุกเก็บไว้ที่ไหนอย่างไร สาธารณชนจะได้สบายใจว่าเข้ามาไม่หาประโยชน์ทับซ้อน พิสูจน์ให้สิ้นสงสัย คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้
ฉันใดก็ฉันนั้น การเที่ยวโพนทะนา “ผมปล่อยกู้ให้พรรคจำนวนเท่านั้นเท่านี้" ต่อมาไปแสดงบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ว่าปล่อยกู้ให้พรรคจริง แต่เป็นจำนวนเงินคนละตัวเลข แล้วจะทำอย่างไร อีกทั้งขัดกฎหมายพรรคการเมืองหรือไม่
“ล้วนมาจากการกระทำของตนเองทั้งสิ้น ไม่มีใครไปปรับเปลี่ยนตัวเลข นอกจากตัวท่านเอง ไม่มีใครไปสร้างข่าวเท็จ ต่างรายงานตามพฤติการณ์ที่ท่านแสดงออกต่อหน้าธารกำนัลครบถ้วนกระบวนความ”
ทีนี้กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่ยกเว้นคนใดคนหนึ่ง เมื่อท่านกระทำและส่อขัดต่อกฎหมายต้องเป็นไปตามขั้นตอนตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ
กล่าวมาทั้งหมด ถามว่าใครกลั่นแกล้ง ใครต้องการเล่นงานท่าน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกฎแห่งกรรม และขอย้ำผู้เข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองทั้งหลายต้องผ่านกระบวนการตามรัฐธรรมนูญฉบับเดียวกัน
การที่ท่านใดท่านหนึ่งกำลังเดินเข้าสู่บทพิจารณาลงโทษล้วนเกิดขึ้นจากตัวท่านเลือกเอง เลือกที่จะตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ ไม่แสดงความบริสุทธิ์ใจตั้งแต่ต้น
“หาใช่รัฐธรรมนูญเฮงซวย แต่ตัวท่านนั่นล่ะเฮงซวยตั้งแต่มันสมองจรดปลายเท้า"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง