คอลัมนิสต์

ลุงตู่ สวมสูทสีเดียวบนเวทียูเอ็น

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย... อสนีบาต [email protected]

 

 

 

          ถึงวันนี้ ท่านนายกรัฐมตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงปฏิบัตภารกิจอยู่ที่สหรัฐอเมริกานะครับ กว่าจะกลับถึงเมืองไทยเกือบปลายเดือนโน่นเลย คือวันที่ 27 กันยายน

 

 

          ถือเป็นการเดินทางเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 74 ที่นครนิวยอร์ก และจะได้ขึ้นอภิปรายในเวทีที่ประชุม


          นอกเหนือจากนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงรับรองเพื่อเป็นเกียรติแก่หัวหน้ารัฐบาลที่เข้าร่วมประชุมด้วย


          “ใครมาถึงเรือนชานก็ต้องต้อนรับ” จึงเปิดโอกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็นตัวแทนมิตรภาพมาช้านานได้พบปะพูดคุยกับเจ้าภาพงานเลี้ยง หลังจากนั้น ยังได้เจอะเจอผู้นำชาติต่างๆ ในลักษณะทวิภาคีอีกด้วย


          ถือว่าไปทั้งทีต้องไปให้คุ้ม เปิดเจรจาการค้าการลงทุนให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด


          กล่าวถึงเวทีแห่งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เคยมาโชว์สปีคอิงลิช ฟุตฟิตฟอไฟก็หลายรอบ แต่ช่วงนั้นมาในลักษณะสวมใส่เครื่องแบบสองสี ซีกขวาสวมสูทสีดำ ซีกซ้ายสวมชุดสีเขียวลายพราง นึกภาพดูแล้วกัน คนสวมเสื้อผ้าแบบนี้แปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย


          ยิ่งไปอยู่ในวงล้อมโลกเสรีประชาธิปไตย ได้ทีนักวิจารณ์เอามาแซวเป็น "ตัวตลกอาเซียน” ซะงั้น อีกอย่าง บรรดานักการเมืองผู้ผูกขาดสัมปทานประชาธิปไตยก็ออกมาปรามาส “เพื่อนไม่คบ” ต่างชาติเบือนหน้าหนีแน่นอน

 

          แต่ทว่า "ลุงตู่” ไม่ยี่หระ อีกทั้งเป็นความโชคดีที่เข้ามาดูแลสถานการณ์บ้านเมืองในยุคสมัยประชาธิปไตย 5.0 แต่ละชาติเปลี่ยนวิธีการทูตด้วยการยึดถือผลประโยชน์ระหว่างประเทศมาก่อน เก็บคัมภีร์ประชาธิปไตยไว้ข้างหลัง




          “ประเทศไทยตอนนั้นจึงเป็นลักษณะเผด็จการบางๆ ต่อให้คุณเป็นนายกฯ มีเงา คสช.ครอบอยู่ หลายประเทศก็ไม่ถึงกับตั้งป้อมต่อต้าน เพราะเข้าใจสถานการณ์การเมืองในไทยด้วยคำมั่นจะมีการเลือกตั้ง”


          จึงมีคนหน้าแตกหลายราย ที่ว่าไม่มีใครคบผลตรงข้ามทั้งนั้น "ลุงตู่” เดินทางออกไปพบผู้นำชาติยักษ์ใหญ่อย่างไม่ถูกปิดกั้น ขณะเดียวกัน ผู้นำชาติในเอเชียติดต่อขอเดินทางมากระชับสัมพันธ์กับไทยเสียเอง


          แม้แต่กลุ่มสหภาพยุโรป มักมีข่าวออกมาว่างอนรัฐบาลไทย เพราะเป็นรัฐบาลทหาร แต่ดูไปดูมา น่าจะเป็นการออกข่าวจากฝรั่งขี้นกมากกว่า เนื่องจากระดับผู้บริหารของอียู ดันออกมาแถลงกระชับสัมพันธ์ ผ่อนปรนมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ICAO ปลดธงแดง จากการที่ไทยแก้ไขมาตรฐานการบินสำเร็จ หรือกรณี IUU ปลดธงเหลืองการทำประมงผิดกฎหมาย


          ถ้ายังหลงเชื่อตามกันว่ายุโรปไม่เอารัฐบาล "ลุงตู่” ต้องไปยืนฟังกลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนต่างชาติที่เข้ามาแสวงประโยชน์บนแผ่นดิน หรือไม่ก็ไปฟังฝรั่งหน้าเดิมแถวๆ พรรคการเมืองที่ยืนอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลเท่านั้น


          ต่อให้เรายืนยันว่าสิ่งที่เห็นเป็นสีขาว แต่คนพวกนี้จะบอกว่าสีดำ หรือบอกว่าดีเขาก็จะบอกว่าไม่ดี ไม่มีหรอกเห็นตรงกัน ตราบใดที่เข้ามาทำงานตามใบสั่งหารับประทานกับองค์กรต่างชาติ "ซังกะบ๊วย”


          ครานี้ พาทุกท่านกลับมาโลกปัจจุบัน การที่ “ลุงตู่” ไปสหรัฐอเมริการอบล่าสุด จึงไปในสถานะนายกรัฐมนตรีเต็มขั้น ไม่มีเงาร่างหัวหน้า คสช.ตามไปด้วย และเป็นการไปภายหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะนายกฯ ครบถ้วนตามคุณสมบัติของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันทุกประการ


          สูทที่สวมใส่ จึงไม่ต้องกลัวสีตกหรือเปลี่ยนเป็นสีเขียวลายพราง แต่มาด้วยสีเดียวเป็นสีลายธงชาติไทยไปผงาดอยู่บนเวทียูเอ็นอย่างไม่อายใคร


          เชื่อได้เลยว่า ประเด็นการดูถูกดูแคลน เป็นผู้นำไม่ได้มาจากประชาธิปไตยลดน้อยลง หากจะมีบ้างคงไม่ได้มาจาก บรรดาชาติผู้นำต่างๆ หรอกนะครับ


          แต่จะมาจากคนไทยด้วยกันเองนี่ล่ะ ที่ยังไม่ตื่นจากการเสพตำราประชาธิปไตยฉบับแย่งชิงอำนาจกันอย่างไม่รู้จบ ไปยืนแหกปากเย้วๆ ต่อต้านเผด็จการอยู่ที่สหรัฐอเมริกา


          อันนี้ก็เป็นสิทธิของการแสดงความคิดความอ่านตามระบอบประชาธิปไตย แต่อย่าละเมิดสิทธิผู้อื่นแล้วกัน


          โลกเสรีประชาธิปไตย เขาเด็ดขาดในการบังคับใช้กฎหมาย ไม่เหมือนประเทศไทยหรอกนะครับที่บ่นกันจังว่าเผด็จการครอบงำแต่กลับแสดงออกเลยเถิดอย่างไรก็ได้


          วันดีคืนดีออกมาจาบจ้วงดูหมิ่น กล่าวหารัฐธรรมนูญเฮงซวย โดยไม่มีใครเอาผิดได้ จำเริญเถอะพ่อคุณทูนหัวนักผูกขาดประชาธิปไตย

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ