เสือวัดป่าหลวงตาบัว ป่วยตาย 86 ตัว โดยไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่สันนิษฐานว่าเกิดจากการติดเชื้อ !
เสือทั้ง 86 ตัวที่ป่วยตาย เป็นเสือของกลางที่ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยึดมาจากวัดป่าหลวงตาบัว หรือ วัดเสือ จ.กาญจนบุรี นำไปดูแลที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และเขาสน จ.ราชบุรี จำนวน 147 ตัว ตั้งแต่ปี 2559 และทยอยล้มตายลงเรื่อยๆ
ผู้ดูแลบอกว่า เสือที่ตายทุกตัวมีอาการเหมือนโรคอัมพาตลิ้นกล่องเสียง ! แต่ล่าสุด มหาวิทยาลัยมหิดล แจ้งผลการตรวจในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ (ห้องแล็บ) พบว่า เสือทั้ง 86 ตัว ตายด้วย โรคไข้หัดสุนัข !
ประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานฯ บอกว่า จากการตรวจสอบเสือที่ตายพบการติดเชื้อไวรัสไข้หัดสุนัข ซึ่งเป็นโรคติดต่อร้ายแรงในสุนัข และสัตว์ป่าหลายชนิด รวมทั้งเสือโคร่ง ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียารักษาเป็นการเฉพาะ ทำได้เพียงการรักษาตามอาการเท่านั้น เช่น การให้ยาปฏิชีวนะ ลดอาการอักเสบ ลดไข้ รักษาอาการภูมิแพ้ บางตัวที่มีอาการหายใจเสียงดังมาก สัตวแพทย์จะผ่าตัด แต่ยังไม่ทราบสาเหตุการเกิดอาการของโรคที่แน่ชัด
เขาบอกว่า จากการส่งซากเสือโคร่งไปตรวจที่คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน และคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล และสัตวแพทย์จากซาฟารีเวิลด์ พบว่าเกิดจากอาการอัมพาตลิ้นกล่องเสียงและเป็นสาเหตุของการตาย แต่ทั้ง 2 สถานีเพาะเลี้ยงอยู่ห่างกัน แสดงว่าเสือมีการติดเชื้อมาก่อน
ตายง่ายเพราะสายเลือดชิด
การล้มตายของเสือชุดนี้ แน่นอนว่าเกิดจากการติดเชื้อไข้หัดสุนัข แต่ที่สงสัยคือทำไมถึงได้ตายด้วยโรคเดียวกันทุกตัว ? ทั้งที่มีคำยืนยันจาก ธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานฯ ว่าเสือทุกตัวได้รับการดูแลอย่างดีตามหลักวิชาการทุกอย่าง
เป็นไปได้ว่า สาเหตุที่เสือติดเชื้อและล้มตายได้ง่าย เป็นเพราะพวกมันมีความบกพร่องทางยีน ซึ่งเกิดจากการผสมพันธุ์กันเองในเครือญาติเดียวกัน หรือที่เรียกว่า สายเลือดชิด ทำให้เสือรุ่นที่เกิดใหม่อ่อนแอ ภูมิคุ้มกันไม่แข็งแรงเหมือนสัตว์ที่ผสมพันธุ์ข้ามสายเลือด
นสพ.ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ให้ข้อมูลว่า มาตรการดูแลสุขภาพเสือโคร่งในสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าทั้ง 2 แห่ง ได้ประสานกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เก็บอุจจาระและตัวอย่างเลือดตรวจสอบ ติดตามโรค จากสัตว์ป่า สัตว์ต่างถิ่น และสัตว์อพยพ เมื่อทราบผล จะพิจารณาให้วัคซีนป้องกันโรคไข้หัดสุนัขตามขั้นตอน และมีการติดตามผลเป็นระยะ ส่วนเสือที่มีอาการป่วยหนักอาจพิจารณาผ่าตัดเป็นรายกรณี
“ยืนยันว่าที่ผ่านมาในระหว่างการตรวจยึดพบว่าเสือวัดหลวงตาบัวมีการตายอยู่แล้ว จากภาวะเลือดชิด โดยพบเสือลูกกรอกที่ดองไว้ และหนังเสือจำนวนมาก เสือเดิมที่อยู่ในสถานีไม่มีความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้น แต่เสือจากวัดที่นำมาเลี้ยงไว้ทั้ง 2 สถานี มีอาการเหมือนกัน ทั้งที่สถานีอยู่ห่างกัน ดังนั้นปัญหาพันธุกรรมจึงเป็นสาเหตุสำคัญ”
สำหรับเสือโคร่งของกลางจากวัดป่าหลวงตาบัว เดิมมีอยู่จำนวน 7 ตัว ถูกยึดเป็นของกลาง โดยกรมป่าไม้ ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2544 เนื่องจากวัดครอบครองเสือโคร่ง สัตว์ป่าคุ้มครองภายใต้พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดยไม่ได้รับอนุญาต
แม้กรมป่าไม้จะยึดเสือโคร่งทั้ง 7 ตัวไว้เป็นของกลาง แต่ก็ได้ฝากเลี้ยงไว้ในวัดนี้ต่อไปภายใต้การดูแลโดยสัตวแพทย์ แต่ช่วงระยะเวลา 15 ปี เสือโคร่ง 7 ตัว ได้ผสมพันธุ์ออกลูกออกหลานอยู่ภายในวัดเพิ่มขึ้นถึง 148 ตัว
เมื่อเสือมีจำนวนมากเข้า ทางวัดจึงเปิดให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมจนวัดกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของ จ.กาญจนบุรี แต่ในเวลาเดียวกันก็ถูกร้องเรียนเกี่ยวกับพฤติกรรมทารุณกรรมสัตว์และการลักลอบค้าสัตว์ป่า จนทำให้กรมอุทยานฯ ต้องเข้ามาตรวจสอบและยึดเสือทั้งหมดไปดูแลยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าเขาประทับช้าง และเขาสน จ.ราชบุรี ซึ่งที่นั่นแม้สัตว์ทุกตัวจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แต่เนื่องจากความเป็นสัตว์สายเลือดชิด จึงทำให้พวกมันมีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เป็นสาเหตุให้ติดเชื้อง่ายและป่วยตายในที่สุด
เสือตายเตือนภัยถึงน้องหมา!
มองแง่ดี ข่าวการตายของเจ้าเสือผู้น่าสงสาร น่าจะเป็นคุณูปการอย่างยิ่งต่อชีวิตสัตว์เลี้ยงอีกนับไม่ถ้วน โดยเฉพาะ น้องหมาและน้องแมว ซึ่งเจ้าของพวกมันคงจะได้ตระหนักและตื่นตัวกับเรื่อง “สายเลือดชิด” และ “โรคหัดสุนัข”
การเป็นสัตว์สายเลือดชิดนั้นทราบกันดีแล้วว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ในคอกเดียวกันหรือสายเลือดเดียวกัน ทำให้ทายาทรุ่นต่อไปเป็นสัตว์ที่อ่อนแอ และเสี่ยงติดเชื้อโรคต่างๆ ได้ง่าย
ส่วนโรคไข้หัดสุนัขชื่อก็บอกแล้วว่าเป็นโรคที่เกิดกับสุนัขโดยตรง แต่สามารถแพร่ไปสู่สัตว์อื่นได้เช่นกัน เชื้อโรคนี้ทางการแพทย์แม้ยังไม่มียารักษาให้หายได้ แต่ก็สามารถป้องกันได้ไม่ยาก ในทางกลับกัน หากไม่มีการป้องกันอย่างต่อเนื่อง โรคนี้มีโอกาสแพร่ระบาดได้ไม่ยากเช่นกัน
รู้จักโรคไข้หัดสุนัข
โรคไข้หัดสุนัข (Canine Distemper) เกิดจากเชื้อ Canine Distemper Virus (CDV) อยู่ในตระกูล Paramyxovirus คล้ายกับไวรัสโรคหัดในคน (Measles) แต่เป็นคนละชนิดกัน จึงไม่ติดคน
น้องหมาที่เป็นโรคนี้มีอัตราการตายสูงมาก ถือเป็นโรคติดต่อร้ายแรงอันดับหนึ่งของโรคที่เกิดขึ้นกับสุนัข เพราะติดต่อได้ง่ายและรวดเร็วมาก สามารถติดต่อผ่านทางอากาศได้ และติดต่อผ่านทางน้ำมูกน้ำตาหรือสัมผัสกับน้องหมาที่ป่วยเป็นโรคนี้
โรคนี้พบมากในน้องหมาที่มีอายุระหว่าง 3-6 เดือน เพราะน้องหมากลุ่มนี้ไม่มีภูมิต้านทานที่แข็งแรงพอ และแม้จะเป็นพวกที่โตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว หากเจ้าของไม่พาไปฉีดวัคชีนอย่างต่อเนื่องก็เสี่ยงไม่แพ้กัน และที่แย่กว่านั้นปัจจุบันการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถผลิตยาต้านไวรัสโรคไข้หัดสุนัขได้โดยตรง
สำหรับน้องหมาที่ได้รับเชื้อไข้หัดสุนัขเข้าสู่ร่างกาย ให้สังเกตอาการในระยะแรกจะมีไข้สูง ซึม อาเจียน เบื่ออาหาร ระยะที่ 2 จะเริ่มซึม มีขี้ตาหนา น้ำมูกสีเขียวข้น ระยะที่ 3 เชื้อไวรัสเข้าระบบประสาท มีอาการชักและทรงตัวไม่อยู่ ต้นขาอ่อนแรง และตายในที่สุด
สัตวแพทย์แนะนำว่า ในกรณีที่สุนัขได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย เจ้าของควรจับแยกสุนัขออกจากตัวอื่นที่อยู่ด้วยกัน เพราะอาจเป็นพาหะนำเชื้อไปแพร่ให้ตัวอื่น และในส่วนของสถานที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการรับเชื้อ ไม่ควรนำสุนัขไปวิ่งเล่น
สำคัญที่สุด! ไข้หัดสุนัขเป็นโรคติดต่อง่าย มีอัตราการป่วยและอัตราการตายสูง ทาสหมาทั้งหลายจงปฏิบัติตามนี้ "พาน้องหมาไป ฉีดวัคซีนทุกปี ใช้บริการคลินิกรักษาสัตว์ใกล้บ้านก็ได้ แล้วน้องหมาจะปลอดภัยจากโรคนี้"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง