คอลัมนิสต์

ส.ส.ต้องรู้หน้าที่ตนเอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2562

 

 

          การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดส่งท้ายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเสนอญัตติด่วนของ ส.ส.รัฐบาล ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือ โดยเนื้อหาการอภิปรายระบุว่า วันนี้ประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในหลายพื้นที่ทางภาคเหนือและภาคอีสาน โดยเฉพาะระดับน้ำในแม่น้ำมูลสูงขึ้นและไหลท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ระดับน้ำอยู่ที่หน้าอก และขณะนี้น้ำในเขื่อนสิรินธรมีถึงร้อยละ 90 เกือบจะเต็มเขื่อนแล้ว ชาวบ้านของทุกอำเภอใน จ.อุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ต้องอพยพคนออกจากพื้นที่น้ำท่วมนับหมื่นคน บ้านเรือนเสียหายทั้งหลัง 414 หลัง และยังมีสัตว์เลี้ยงพืชผลการเกษตรได้รับความเสียหายอีกจำนวนมาก

 


          ไม่เพียงผู้แทนราษฎรในซีกรัฐบาลเท่านั้น ยังมี ส.ส.จากพรรคฝ่ายค้าน อภิปรายสนับสนุนญัตติดังกล่าวจากผลกระทบจากพายุโพดุลมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 30 กว่าจังหวัด โดยเฉพาะในพื้นที่อีสาน จ.อุบลราชธานีและศรีสะเกษ เป็นพื้นที่รับน้ำเต็มๆ มีประชาชนได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่อยู่อาศัย มีปัญหาผู้ป่วยติดเตียงและยังมีโรคที่เกิดจากน้ำ นอกจากนี้ยังได้มีการเสนอให้จังหวัดตั้งศูนย์กลางรับสิ่งของบริจาคและมีศูนย์ข้อมูลเพื่อกระจายสิ่งของบริจาคไปช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง รวมถึงเรียกร้องไปยังรัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลือดูแลประชาชนทั้งระบบ รวมทั้งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ทันท่วงที และหามาตรการในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว เนื่องจากที่ผ่านมามีปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้งซ้ำซาก

 


          ไม่บ่อยครั้งที่เราจะเห็นนักการเมืองใช้บทบาทการทำหน้าที่ในสภาอย่างไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย เสนอแนวทางข้อเรียกร้องไปยังผู้มีอำนาจหรือรัฐบาล ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนไปในทิศทางเดียวกัน พลิกบทบาทผู้ร้ายในสายตาประชาชน ทำหน้าที่สมกับคำว่า ผู้แทนราษฎร อย่างแท้จริง หลังจากที่ตลอดเวลาของการทำงานกินเงินภาษีประชาชนร่วมครึ่งปี ท่านผู้ทรงเกียรติเหล่านี้ใช้เวทีประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นสนามรบเชือดเฉือนกันด้วยวาจา เวทีแฟชั่น สุมหัวดำเนินการทางการเมืองตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น ซึ่งโดยข้อเท็จจริงที่ผ่านมานั้น มี ส.ส.ตัวแทนพรรคการเมืองหลายคนจากพรรคต่างๆ ลงพื้นที่ลุยน้ำเข้าช่วยเหลือชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยนำ้ท่วม ดินถล่ม สะพานขาด อย่างไม่ลดละ และร่วมทำความสะอาดบ้านเรือนให้ชาวบ้านในหลายพื้นที่ที่น้ำลดแล้วด้วย

 


          รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม และไม่ว่าใครจะเข้ามาบริหารประเทศ ทั้ง 2 ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของโลกอันนี้ถูกหยิบยกให้เป็นวาระแห่งชาติทุกครั้ง เพราะทุกฝ่ายตระหนักถึงผลกระทบที่ได้รับจากทั้งภัยแล้งและน้ำท่วมอย่างยิ่ง ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำได้มีการจัดตั้งศูนย์บัญชาการเฉพาะกิจ เพื่อแก้ปัญหาวิกฤติน้ำ ดัน 3 โครงการแก้น้ำท่วมและภัยแล้งอย่างเป็นระบบ โดยเตรียมเสนอของบประมาณกว่า 1.8 หมื่นล้านบาทต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวาระที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผลักดันรวมถึงจับตาดูให้การดำเนินงานต่างๆ เป็นไปตามแผนแม่บทด้วยความโปร่งใส ด้วยธรรมาภิบาล ซึ่งทั้งฝ่ายปฏิบัติหรือข้าราชการจะต้องขับเคลื่อนไปข้างหน้าตามนโยบาย ขณะที่ฝ่ายการเมืองต้องร่วมมือกันสร้างประโยชน์สุขให้แก่คนไทยและความยั่งยืนของประเทศโดยไม่แบ่งฝักฝ่ายสมเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริง

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ