คอลัมนิสต์

สามเกลอหัวส้ม ปลุกเดินถนน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...  วงในวงนอก   โดย...  อสนีบาต aussaneebard @hotmail.com

 

 

 

 

          ถนนทางการเมืองกำหนดให้ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เดินเข้าสู่ทางแคบอย่างไม่มีทางเลือก จากกรณีองค์คณะศาลรัฐธรรมนูญนำกรณีปมถือครองหุ้นสื่อเข้าข่ายขาดคุณสมบัติความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือไม่ เข้าสู่กระบวนการอภิปรายเมื่อวานนี้

 

 

 

 

          จากนั้นนับเวลาถอยหลังรอการไต่สวนนัดวินิจฉัยคดี ซึ่งไม่น่าจะเกินปลายเดือนตุลาคม คำตอบจะออกมา “หัวหรือก้อย”


          หากผลวินิจฉัยเป็นไปในทางบวก สามารถใส่สูทเข้าสภาผู้แทนราษฎรได้อย่างเต็มขั้น


          แต่ถ้าผลออกมาทางลบ วินิจฉัยว่า ขาดคุณสมบัติ ส.ส. “ธนาธร” ต้องป็นผู้แทนนอกสภาต่อไปจนกว่าจะมีการเลือกตั้งรอบใหม่โน่น


          กระนั้นอย่าลืมว่า แม้การวินิจฉัยคดีปมถือครองหุ้นสื่อจบลง แต่คดีอื่นๆ ยังไม่จบ สิริรวม 16 คดี รอการวินิจฉัย


          1 ใน 16 คดี มีระดับความรุนแรง สั่นสะเทือนถึงขั้นลุ้นยุบพรรค ตรงนี้ จึงต้องมีการเตรียมตัวเตรียมใจรับมือต่อสถานการณ์ภายภาคหน้า


          ทำให้ช่วงนี้ หัวหน้าพรรคและแกนนำระดับ "เรียกแขก” จึงมีกิจกรรมเคลื่อนไหวหนักมาก


          การเคลื่อนไหวถูกส่งผ่านกิจกรรมรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญพร้อมกับปลุกเร้าด้วยถ้อยคำเผ็ดร้อนราวกับประเคนหมัดฮุก หมัดตรง แย็บซ้ายแย็บขวา เข้าใส่รัฐบาล "บิ๊กตู่”

 

          ลุกลามไปถึงการสร้างความเกลียดชังแบ่งแยก !


          เมื่อเร็วๆ นี้ “ธนาธร” ลงพื้นที่ประสบอุทกภัย จ.มหาสารคาม ทำทีตะลุยน้ำให้ขากางเกงเปียกปอน


          สักพักหนึ่งก็ขึ้นเวทีปราศรัยปลุกขวัญพี่น้องประชาชน ด้วยการเปรียบเปรย “น่าจะเอางบลงทุนรถไฟฟ้าหลายหมื่นล้านมาหารเฉลี่ยแจกจ่าย 9 จังหวัดในภาคอีสาน" พร้อมกับขุดเรื่องกลุ่มทหารเข้ามายึดอำนาจใส่ขมองชาวบ้าน




          วาทกรรมดังกล่าวถูกผลิตซ้ำบนเวทีเสวนาแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดยมี ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ อนค. ร่วมด้วยช่วยกันขย้ำ “แก้รัฐธรรมนูญเพื่อปากท้องประชาชน”


          เช่นเดียวกับ โฆษกสาวคู่ใจ อย่าง “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช ที่ไปร่วมเสวนากับเครือข่ายมวลชน นักการเมืองที่มีความเห็นตรงกันให้แก้รัฐธรรมนูญ จริงอยู่แม้เป็นสิทธิในการแสดงความเห็น แต่กับการชี้ชวนให้คนออกมาเดินถนน ด้วยการอ้างนานาประเทศเขาก็เดินถนนกันทั้งนั้น และไม่ตาย ไม่ทะเลาะเบาะแว้ง ด้วย


          ฟังความแบบนี้มันก็ดูแปลกๆ นะครับ เพราะไม่ใช่การแสดงความเห็นธรรมดาแต่ออกมาในทำนองปลุกระดมมากกว่า


          การชี้ชวนของขบวนการ "สามเกลอหัวส้ม” ต้องทำให้คนในรัฐบาลต้องออกมาแนะนำตักเตือน


          “ผมไม่ขัดขวางอยู่แล้ว ดังนั้นการจะออกมาเดินสายแก้รัฐธรรมนูญ ผมว่ามันไม่ใช่ อย่าลืมว่าการรณรงค์การรวมตัวเดินอะไรต่างๆ เหล่านี้ มันต้องมีกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ใช่รัฐบาลจะไปห้าม แต่ไม่ต้องการให้มันบานปลาย เดี๋ยวมันก็บานปลายไปอีกนั่นแหละ เคยหยุดกันได้ที่ไหน คนที่ปลุกระดมออกมา ไม่เคยหยุดได้ ก็มีปัญหามากันทุกรัฐบาล” คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา


          เพราะในขณะที่สภากำลังทำหน้าที่ ดังเห็นได้จาก ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เข้าชื่อยื่นรองประธานสภาให้ตั้งกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ กอปรกับพรรคร่วมรัฐบาลขยับประเด็นนี้แล้วเช่นกัน ซึ่งก็ควรว่ากันไปตามกระบวนการสภากันก่อนจะดีกว่ามั้ย


          แต่อาการปลุกระดม และไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ลุกลามไปถึงการสร้างวาทกรรมแบ่งแยก ทั้งที่เคยประกาศเราเล่นการเมืองแบบใหม่ สร้างสรรค์ ไม่โต้ตอบ ตามที่เคยกล่าวจะเป็นอนาคตใหม่ของประเทศล้วนแต่ไม่ได้เป็นไปตามที่เคยกล่าวอีกแล้ว


          ประเมินได้ว่า การที่ "สามเกลอหัวส้ม” กำลังบรรเลงอาวุธหนักในช่วงนี้ คงไม่ใช่แค่ความตั้งใจรณรงค์แก้รัฐธรรมนูญอย่างเดียวดอก นอกจากปลุกขวัญสร้างแนวร่วมเพื่อค้ำจุนตัวเองในสถานการณ์คับขันอันใกล้นี้มากกว่า

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ