คอลัมนิสต์

ระวัง...ขาย-จำนำรถติดไฟแนนซ์..เสี่ยงยักยอกทรัพย์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์...สายตรวจระวังภัย  

 

 

 

          ปัจจุบันมีรถยนต์ออกสู่ตลาดจำนวนมาก ทั้งรถใหม่ป้ายแดง และรถใช้แล้ว หรือรถมือสอง เพราะตลาดมีความต้องการ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่นิยมมีรถทันทีเมื่อเรียนจบและเริ่มทำงาน

 

 

          ทว่ากลุ่มธุรกิจรถมือสอง หรือเต็นท์รถมือสอง ที่ดำเนินธุรกิจซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน จัดไฟแนนซ์ ถูกมองกว่าเป็นธุรกิจที่ภาพลักษณ์ไม่ดี เพราะมีปัญหาเรื่องหลอกลวง ย้อมแมวขาย หรือเป็นแหล่งฟอกเงินต่างๆ นานา แม้จะไม่ได้เหมารวมทุกเต็นท์ แต่ก็มีปัญหาให้เห็นอยู่เป็นระยะ


          สอดคล้องกับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีเจ้าของเต็นท์รถมือสองกว่า 20 เจ้า รวมตัวกันร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจกองปราบฯ เนื่องจากถูก “เจ๊ดา” อดีตเซลส์ขายรถ สร้างความน่าเชื่อถือ ก่อนหลอกซื้อรถทีละหลายคัน แต่เมื่อโอนเงินแล้วกลับหายเงียบ สูญเงินกว่า 10 ล้านบาท 


          น.ส.จันทรา ประชาชาติ อายุ 36 ปี เจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสองย่านศรีนครินทร์ พร้อมบรรดาเจ้าของเต็นท์รถมือสองกว่า 20 เจ้า ที่ตกเป็นเหยื่อของ นางรวยศิริ อายุ 41 ปี หรือ “เจ๊ดา” ที่ฉ้อโกงโดยหลอกซื้อรถยนต์รวมมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท นำหลักฐานสลิปการโอนเงิน และแชทพูดคุย เข้าพบ พ.ต.ท.ชนินธร ง่วนสน สารวัตรงานสอบสวน กก.1 บก.ป. เพื่อให้ช่วยติดตามตัว “เจ๊ดา” มาดำเนินคดี


          เหยื่อสาวรายนี้ บอกว่า รู้จักกับ “เจ๊ดา” ซึ่งเป็นอดีตเซลส์ขายรถยนต์ญี่ปุ่นยี่ห้อหนึ่ง ที่ผันตัวมาเป็นนายหน้าขายรถยนต์จากโชว์รูมให้เจ้าของเต็นท์รถมือสอง โดยติดต่อกันผ่านกลุ่มในแอพลิเคชั่นไลน์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อ-ขายรถมือสอง สร้างความน่าเชื่อถือให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการเต็นท์รถยนต์มือสองมาเป็นเวลากว่าครึ่งปี ซึ่งระยะแรก “เจ๊ดา” มีเครดิตดี เป็นที่เชื่อถือของกลุ่มผู้ค้า ไม่เคยมีทีท่าว่าจะหมุนเงินไม่ทัน

 



          “กระทั่งเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เริ่มมีเหยื่อบางรายโอนเงินซื้อรถยนต์แล้วไม่ได้รับรถ หรือได้รับแต่ไม่ได้เลขทะเบียน เหยื่อบางรายถูกหลอกให้ซื้อรถยนต์คันเดียวกันถึง 4-5 คน ก่อนจะทวงถามไป แต่ก็ได้รับการบ่ายเบี่ยงมาตลอด ระหว่างนั้น เจ๊ดา ยังหลอกให้ไปลงทุนหุ้นรถยนต์เพื่อเอากำไร กระทั่งติดต่อได้ครั้งล่าสุดเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยเชื่อว่าทำกันเป็นขบวนการ ถ้าคนเดียวไม่สามารถหลอกผู้คนได้มากขนาดนี้ ซึ่งยังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ไม่ได้เข้าแจ้งความกับท้องที่” น.ส.จันทรา กล่าว


          จะว่าไปแล้วการทำธุรกิจเต็นท์รถมือสองก็มีความเสี่ยงไม่น้อย ต้องศึกษากฎหมายให้ดี เช่นเดียวกับประชาชนคนทั่วไป เพราะการซื้อ ขาย จำนำรถที่ติดไฟแนนซ์อาจมีความผิดข้อหา “ยักยอกทรัพย์” หรือ “รับของโจร” 


          เกี่ยวกับเรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในปัญหาที่หลายคนเข้าไปขอคำปรึกษากับทางเพจเฟซบุ๊ก “กองปราบปราม” เมื่อผู้เช่าซื้อรถไม่มีกำลังพอที่จะผ่อนชำระค่างวดรถให้แก่ไฟแนนซ์ หลายต่อหลายคนเลือกวิธีนำรถไปจำนำ หรือขายดาวน์ เพื่อให้ได้เงินมาหมุนต่อ แต่เมื่อจะไปไถ่ถอนรถคืน ปรากฏว่ารถไม่อยู่แล้ว ซึ่งหากเกิดกรณีแบบนี้บุคคลนั้นอาจจะตกเป็นผู้ต้องหาในคดี “ยักยอกทรัพย์” เพราะกฎหมายได้วางหลักไว้ว่า การเช่าซื้อนั้น กรรมสิทธิ์ของทรัพย์สินจะยังไม่เป็นของผู้เช่าซื้อจนกว่าจะชำระเงินครบถ้วน หรือหมายความว่า ในระหว่างที่ท่านกำลังผ่อนรถอยู่นั้น ท่านเป็นเพียงแค่ผู้ที่ครอบครองรถเท่านั้น แต่ในขณะที่เจ้าของกรรมสิทธิ์รถที่แท้จริง คือ..บริษัทไฟแนนซ์


          ดังนั้นหากนำรถที่อยู่ในระหว่างการเช่าซื้อไปจำนำ หรือขายต่อ และต่อมาภายหลังไม่สามารถนำรถมาคืนต่อบริษัทไฟแนนซ์ได้ บุคคลนั้นก็อาจจะถูกฟ้องในข้อหา “ยักยอกทรัพย์” ส่วนคนที่รับจำนำไป หรือซื้อต่อ ก็เสี่ยงที่จะถูกฟ้องในข้อหา “รับของโจร”


          ทั้งนี้ทางเพจเฟซบุ๊กกองปราบปราม แนะทางแก้เบื้องต้นว่า หากผ่อนชำระค่างวดรถไม่ไหว ยังมีหลายวิธี เช่น เสนอขายรถให้บุคคลอื่น แต่ต้องพาผู้ที่ซื้อรถต่อไปเปลี่ยนสัญญาเช่าซื้อกับทางบริษัทไฟแนนซ์ให้เรียบร้อยก่อนรับมอบรถ เพื่อให้ผู้ที่มาซื้อรถต่อเป็นผู้ที่รับผิดชอบในค่างวดที่ยังค้างชำระอยู่แทน วิธีนี้จะช่วยให้ไม่ต้องถูกฟ้องข้อหา “ยักยอกทรัพย์”

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ