มรสุมรุมเร้ารัฐนาวาลุงตู่ จะสะดุดหรือไปต่อ รายงาน...
รายการเนชั่นสุดสัปดาห์กับ 3 บก. ออกอากาศทางเนชั่นทีวีช่อง 22 วันเสาร์เวลาห้าโมงเย็น ร่วมวิเคราะห์ประเด็นร้อนกับสมชาย มีเสน ซีอีโอเครือเนชั่น และวีระศักดิ์ พงษ์อักษร บรรณาธิการบริหาร นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ในประเด็น “มรสุมรุมเร้ารัฐนาวาลุงตู่ จะสะดุดหรือไปต่อ?”
วีระศักดิ์ เปิดประเด็นว่า หลังแถลงนโยบายรัฐบาลมายี่สิบกว่าวัน รัฐบาลนี้โดนฝ่ายค้านยื่นอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ แบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะเจอภาวะอะไรบ้าง?
สมชาย วิเคราะห์ว่า "ฝ่ายค้านมองว่ารัฐบาลพลาดจุดใดจะโดนเล่นงานทันที หลังจากยื่นกระทู้ถามสองสัปดาห์แต่นายกรัฐมนตรีไม่มาตอบ ฝ่ายค้านจึงยื่นญัตติในกรณีการถวายสัตย์ปฏิญาณตน
ประเด็นที่มีความเสี่ยงของรัฐบาลคือการถวายสัตย์ปฏิญญาณตน, พรรคขนาดเล็กที่ร่วมรัฐบาลเรียกร้องตำแหน่ง ตอนนี้เสียงของรัฐบาลปริ่มน้ำมาก, นายกฯ เป็นเจ้าหน้าที่อื่นๆ ของรัฐหรือไม่และรอศาลรัฐธรรมนูญวันที่ 27 สิงหาคม, ปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำในตอนนี้ แม้ตอนนี้มีแพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจนั้นก็ตาม"
วีระศักดิ์กล่าวสรุปว่า "ปัญหาปัจจัยเศรษฐกิจภายในคือหนี้ครัวเรือนของคนไทยตอนนี้ที่สูงมาก การอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบหนึ่งครั้งของรัฐบาลเงินจะกระตุ้นและเงินจะหมุนในระบบ 2.5 เท่า เศรษฐกิจวันนี้ต้องผ่าตัดใหญ่ มาตรการของรัฐบาลที่เพิ่งออกมาเสมือนการให้ยาบรรเทาอาการเท่านั้น ครม.เศรษฐกิจน่าจะเข้าใจสถานการณ์ว่าทำอะไรมากไม่ได้ เพราะการส่งออกของไทยนั้นตอนนี้ติดลบ, ค่าเงินบาทแข็ง, ตลาดโลกติดลบ, การอนุมัติเม็ดเงินเข้าโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐก็ยังไม่เกิด และสินค้าเกษตรตอนนี้ตกต่ำก็มีการประกันราคา หรือจะต้องลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งก็ตาม ก็มีความเสี่ยง
ปัจจัยเศรษฐกิจภายนอกนั้น สงครามการค้าจีนกับสหรัฐ วันนี้เศรษฐกิจสหรัฐตกต่ำและฮ่องกงก็มีปัญหา ตรงนี้ส่งผลกระทบกับไทยแม้จะมีกระสุนเม็ดเงินของภาครัฐอัดเข้าระบบแต่ก็ไม่พอ ส่วนท่องเที่ยวก็มีปัญหาตามมา แม้จะมีฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวบางประเทศเข้ามาเที่ยวไทยก็ตามตรงนี้เอกชนชะลอการลงทุนเพราะรอความชัดเจนของรัฐบาล"
ส่วนกรณีทางการเมืองและพล.อ.ประยุทธ์ ในกรณีการถวายสัตย์ปฏิญญาณตนของครม.ที่หลายฝ่ายเคลื่อนไหวกดดัน พล.อ.ประยุทธ์ ในเรื่องนี้นั้น จะมีผลอย่างไร?
วีระศักดิ์กล่าวว่า “เชื่อว่าหากนายกฯ ไม่ตอบฝ่ายค้าน แต่นายกฯ มอบให้ครม.มาตอบแทนได้ เชื่อว่านายกฯ จะตอบว่าขั้นตอนนี้อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญและขอให้ฟังความเห็นของเจษฎ์ โทณวณิก อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่ระบุว่า ”หากนายกฯ ลาออก ครม.ต้องพ้นทั้งคณะและรัฐสภาต้องลงมติใหม่ ส่วนตัวมองว่าการถวายสัตย์ฯ สามารถกระทำใหม่ได้ โดยขอพระราชทานอภัยโทษ ขอพระบรมราชานุญาตถวายสัตย์ฯ ใหม่ ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ในพระบรมราชวินิจฉัย แต่ควรรอการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน
การถวายสัตย์ฯ หากไม่สมบูรณ์นายกฯ และครม.จะพ้นสภาพ และรัฐสภาต้องลงมติเลือกนายกฯ คนใหม่ และไม่ถึงขั้นยุบสภา รวมทั้งไม่ไปไกลถึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ส่วนตัวมองว่า นายกฯ น่าจะขอพระราชทานอภัยโทษ ขอพระบรมราชานุญาตถวายสัตย์ฯ ใหม่” ดังนั้นกรณีนายกฯ และหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จบที่ศาลรัฐธรรมนูญ”
สมชายกล่าวว่า “กรณีลูกผีลูกคนคือ การวินิจฉัยคุณสมบัติของนายกฯ ที่ฝ่ายค้านยื่นต่อประธานสภาผู้แทยราษฎรและส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐหรือไม่ เพราะต้องตีความสถานะของคำว่า "หัวหน้าคสช.” ของพล.อ.ประยุทธ์ ในการรับหน้าที่นายกฯ ครั้งนี้ แม้พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงไปแล้วและศาลรัฐธรรมนูญกำหนดกรอบไต่สวน
แต่ไม่กี่วันข้างหน้าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอดีตสี่รัฐมนตรีของรัฐบาลที่แล้วว่ายื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินครบหรือไม่ รวมทั้งกำหนดการวินิจฉัยกรณีการถือหุ้นสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรตอนาคตใหม่ ส่วนกรณีของพล.อ.ประยุทธ์นั้น น่าจะต้องรออีกระยะหนึ่ง
การถวายสัตย์ปฏิญญาณตนของครม.ที่หลายคนมองว่าดำเนินการไม่ครบถ้วนตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ ตรงนี้คือประเด็นใหญ่เพราะฝ่ายค้านยื่นเรื่องนี้ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้ว
การเดินเกมในรัฐสภานั้น พรรคอนาคตใหม่สอบถามเรื่องนี้ตั้งแต่การแถลงนโยบายรัฐบาลและตั้งกระทู้สอบถามนายกฯ มาสองสัปดาห์ แต่นายกฯ ไม่มาตอบ ส่วนการขยับนอกรัฐสภาคือ กรณีที่ “ศรีสุวรรณ จรรยา” ไปยื่นคำร้องต่อป.ป.ช. และผู้ตรวจการแผ่นดินในเรื่องนี้ด้วย และพรรคเพื่อไทยก็เดินเกมนอกสภาในเรื่องนี้รวมทั้งเพิ่งยื่นอภิปรายแบบไม่ลงมติต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรไปเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว และน่าจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อไป หากนายกฯ ให้คำตอบไม่ชัดเจน
แม้นายกฯ ยอมรับและขอโทษครม.ในเรื่องนี้โดยบอกว่าขอรับผิดชอบคนเดียว รวมทั้งย้ำว่าจะไม่ตอบเรื่องนี้แล้ว เพราะรอฝ่ายที่เกี่ยวข้องวินิจฉัย ตรงนี้เป็นปมที่ฝ่ายค้านไล่บี้รัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้
ฝ่ายค้านยื่นเรื่องนี้ต่อประธานสภาผู้แทนราษฎรขออภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติครั้งนี้ ขั้นตอนนี้จะมีการเปิดอภิปรายภายในสามสิบวัน นายกฯ ต้องมาตอบการอภิปราย
ส่วนดาบที่แรงคือการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่หนึ่งปีจะดำเนินการได้หนึ่งครั้ง ฝ่ายค้านต้องประเมินว่านายกฯ และรัฐบาลไปไม่รอดแล้ว
เชื่อว่ากรณีนี้ในทุกคำร้องเรื่องการถวายสัตย์ฯ น่าจะจบที่ศาลรัฐธรรมนูญ และการถวายสัตย์ฯ นั้น ไม่มีบทลงโทษบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ"
ส่วนประเด็นที่จะตัดสินอนาคตของรัฐบาลที่สำคัญอีกหนึ่งปัจจัยนั้นคืออะไร?
สมชายมองว่า "ทางรอดของรัฐบาลคือเสียงสนับสนุนของรัฐบาล เสียงปริ่มน้ำก็มีความเสี่ยง เพราะการแพ้โหวตสองครั้งในช่วงพิจารณาข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งการลงมติเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรนั้นมีสิ่งที่น่าพิจารณา
คณิตศาสตร์การเมืองนั้นหากลงมติแพ้ มันไม่มีทางเลือก รัฐบาลต้องไป รัฐบาลตอนนี้ลุ้นระทึกทุกครั้งเวลาลงมติ วันนี้รัฐบาลไม่มีพรรคไทยศรีวิไลย์แล้วแม้จะมีหนึ่งเสียงที่บอกว่าเป็นฝ่ายค้านอิสระ ดังนั้นฝ่ายค้านและรัฐบาลจะวิ่งมาหาหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ทุกครั้งในการลงมติ
หากตนเป็นรัฐบาลจะไม่ดึงพรรคไทยศรีวิไลย์มาร่วมเพราะต่อรองมากไป และบทบาทของหัวหน้าพรรคนี้ก็แสดงออกในสิ่งที่เกินเลยไปหลายเรื่อง และยังมีกระแสข่าวว่าสองเสียงของพรรครักผืนป่าประเทศไทยก็มาขู่ในสามประเด็นหากรัฐบาลฟื้นขึ้นมา จะไม่ร่วมรัฐบาลนั้น แต่ตนเชื่อว่าพรรคนี้ไม่มีปัญหาเพราะหัวหน้าพรรคนี้สนิทกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
ตอนนี้มีการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมือง พรรคเล็กๆ ที่ยังอยู่กับฝ่ายรัฐบาลน่าจะได้ผู้ช่วยรัฐมนตรีและประธานกมธ.บ้าง
เสียงปริ่มน้ำจะแก้ไขได้โดยงูเห่าที่เตรียมไว้แล้วโดยดูได้จากการโหวต “ชวน หลีกภัย” เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรที่มีเสียงเกินห้าเสียง โดย ”สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” เสียงหายไปสิบเอ็ดเสียง วันนั้นใช้วิธีเขียน ไม่ใช่บัตรลงคะแนน ถือว่าโชคดี และพรรคร่วมรัฐบาลหวังว่าจะมีสองร้อยเจ็ดสิบเสียง โดยดูได้จากความมั่นใจของร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐที่บอกว่าจะมีเสียงมาหนุนเรื่อยๆ
เร็วๆ นี้เชื่อว่าพรรคเศรษฐกิจใหม่จะมาร่วมรัฐบาลอย่างน้อยห้าคนจากหกคน ส.ส.บางส่วนของพรรคอนาคตใหม่ที่รอว่าจะโดนยุบพรรคหรือไม่ เพราะมีหลายกรณีที่สุ่มเสี่ยงว่าจะโดนยุบพรรค รวมทั้งส.ส.พรรคเพื่อไทยบางส่วนด้วย งูเห่าพวกนี้จะไม่ปรากฏตัว แต่จะลงมติในวาระสำคัญหรือร่างกฎหมายสำคัญ
ส่วนความเคลื่อนไหวของพรรคพลังประชารัฐนั้น เร็วๆ นี้ พล.อ.ประวิตร จะเข้ามาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค โดย พล.อ.ประวิตร ต้องการเข้ามามีบทบาทในพรรค เพราะต้องไปกำราบกลุ่มสามมิตรที่เคยระหองระแหงกับ พล.อ.ประวิตร
และมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประวิตร จะเชิญ พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นหัวหน้าพรรค แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังลังเล เพราะกลัวว่าพลังประชารัฐจะโดนเขียนภาพ "พรรคทหาร” แต่เร็วๆ นี้ทราบว่าพลังประชารัฐจะปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคใหม่”
วีระศักดิ์สรุปว่า “ต้องรอดูว่าสเถียรภาพรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐจะเป็นอย่างไรต่อหาก พล.อ.ประวิตร เข้าไปในพรรค”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง