คอลัมนิสต์

"ครูตั้น"วาดฝันปฏิรูปการศึกษาไทย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ครูตั้น"วาดฝันปฏิรูปศึกษาไทย โดย...  สมัชชา หุ่นสาระ 

 

 

          “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ" รับหน้าที่ “เสมา 1” ในครั้งนี้ โดยภารกิจที่ ”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม มอบให้ “ครูตั้น” ไปดำเนินการเกี่ยวกับการศึกษาของไทยทั้งระบบนั้น ครูตั้นบอกกับเครือเนชั่นว่า ”ต้องขอความร่วมมือจากทุกองค์กรเพื่อร่วมกันผลักดันวาระของชาติที่หลายคนสะท้อนว่าไม่ได้รับการแก้ไขจริงจังมานานปี และเป็นปัญหาเรื้อรังที่ส่งผลให้การพัฒนาประเทศไม่คืบหน้า”

 

 

          ยุทธศาสตร์ชาติยี่สิบปีที่ลุงตู่วางโรดแม็พไว้นั้น การศึกษาคือบันไดขั้นหนึ่งที่จะทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์แบบยั่งยืน ฉะนั้นครูตั้นจะทำหน้าที่นี้ให้ผลบังเกิดอย่างไร ที่นี่มีคำตอบ...


          รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า “ผมรับหน้าที่นี้ โดยมองว่าการศึกษาไทยทั้งระบบต้องเปลี่ยนแปลงให้มีคุณภาพ หลักสูตรการเรียนการสอนต้องทันสมัยต่อโลกในวันนี้ที่เทคโนโลยีเข้ามาไวและสังคมเปลี่ยนแปลงเร็ว หากยังใช้หลักสูตรเดิมๆ ที่ไม่เปลี่ยน นักเรียนของเราจะสู้คนอื่นไม่ได้ ทั้งที่ความจริงนักเรียนไทยมีความสามารถไม่แพ้นักเรียนชาติอื่นๆ นะ รางวัลระดับโลกที่คนของเราได้มาก็มีมาก สะท้อนว่าคนของเรามีความรู้ดีแต่เราจะต้องเสริมความแกร่งเข้าเพิ่ม แม้จะเสริมให้ทุกคนไม่ได้ แต่อย่างน้อยจะต้องไม่ทิ้งห่างกัน

 

 

 

"ครูตั้น"วาดฝันปฏิรูปการศึกษาไทย

 


          ดังนั้นสามปัจจัยที่สำคัญคือ โรงเรียนที่ต้องใช้งบบางส่วนเพิ่มให้มีศักยภาพเท่าเทียมกันทุกแห่ง ครูที่ต้องต่อยอดทางคุณภาพการสอนและการเรียนรู้สิ่งใหม่ รวมทั้งการดูแลสวัสดิการ นักเรียนที่ต้องเริ่มความพร้อมตั้งแต่ขั้นอนุบาลและปฐมวัย เป้าหมายนี้คือลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา


          เราต้องสร้างคนให้ตรงความต้องการของโลก ผมหารือผู้ประกอบการเอกชนหลายรายว่าต้องการให้เราผลิตนักเรียนแบบใดที่ตลาดต้องการ เราได้รับฟังเสียงสะท้อนและแนวคิด รวมทั้งการมีส่วนร่วม ผู้ประกอบการพร้อมที่จะมาช่วยยกร่างหลักสูตรและมาช่วยสอนให้ ตรงนี้ผมยินดี เพราะเราจะได้สิ่งที่ดีที่ทุกฝ่ายยอมรับและต้องการ


          นักเรียนของเรานั้น ผมมองว่า ช่วงรอยต่อ เช่น ม.3 ขึ้น ม.4 ควรจะตั้งเป้าชีวิตว่า จะเรียนต่อสายใดและอยากทำงานอะไรเมื่อเรียนจบ ตรงนี้จะประสานกระทรวงต่างๆ ในการกำหนดทิศทางการสร้างคนของเราว่า แต่ละปีนั้น สายงานใด ต้องการบุคลากรเข้าทำงานเท่าใด และต้องการเน้นทักษะใด ต้องวางแผนล่วงหน้า เช่น ตอนนี้คนต่างชาตินิยมมาใช้บริการโรงพยาบาลในไทยและเพิ่มขึ้นทุกปี เราก็ต้องหารือส่วนงานที่เกี่ยวข้องว่า ในห้าปีข้างหน้าจะขาดแคลนบุคลากรด้านใดหรือจะเน้นทักษะของคนที่จะรับเข้าทำงานแบบไหน เราจะได้สร้างคนด้วยการศึกษาให้ตรงกับงานที่ตลาดต้องการ และยังสามารถส่งออกบุคลากรของเราไปทำงานในต่างประเทศได้ มันต้องเตรียมความพร้อมทุกด้าน เช่น ภาษา การใช้เทคโนโลยี การเรียนรู้วัฒนธรรมของคนต่างชาติ เพราะองค์ประกอบพวกนี้มันสอดรับกันหมด หรือนักเรียนอาชีวะ เราก็ต้องสร้างคนให้พร้อมรองรับงานที่ต้องใช้ทักษะใหม่ เช่น อีอีซีที่เรากำลังดำเนินการ นักเรียนอาชีวะคือแรงงานคุณภาพที่เราต้องผลิตเพื่อรองรับอุตสาหกรรมใหม่”

 

 

"ครูตั้น"วาดฝันปฏิรูปการศึกษาไทย



          ส่วนการดูแลแม่พิมพ์ของชาตินั้น ครูตั้นบอกว่า “สิ่งที่สอบถามมานั้น คือสิ่งสำคัญ นักเรียนคือผ้าสีขาว หากมีเบ้าพิมพ์ที่ดีก็จะสร้างผลผลิตที่ดีออกมาให้สังคมทุกด้าน การพัฒนาครูนั้นแน่นอนว่าต้องมีงบประมาณบางส่วนมาเสริมทักษะครู และผมกำลังพิจารณา รวมทั้งคุณภาพชีวิตครูที่ผมกำลังหาวิธีดูแลแบบยั่งยืน หากครูมีคุณภาพชีวิตที่ดี การทำหน้าที่เบ้าพิมพ์ที่จะสอนคนในชาติก็จะมีผลดี เพราะครูนั้นเสมือนจิตรกร หากมีอุปกรณ์ที่ดี กำลังใจที่ดี จะมีแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกมา สังคมก็ได้ประโยชน์ตรงนี้ทุกภาคส่วน คือหากครูเข้มแข็ง นักเรียนก็จะเข้มแข็ง สังคมไทยก็จะเติบโตแบบมีคุณภาพ ผมจะเน้นให้สังคมไทยมีครูที่มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ และประสานไปยังกระทรวงอุดมศึกษาฯ ในฐานะที่จะผลิตเบ้าหลอมนี้ออกมาเพื่อสอนคนรุ่นใหม่ในโรงเรียนว่า เราอยากได้ครูคุณภาพแบบใด การประสานทุกองค์กรเพื่อให้เรื่องนี้เดินหน้า ต้องดำเนินการ ผมคนเดียวคงไม่สามารถทำได้”


          ส่วนกรอบเวลาที่วาดฝันไว้นั้นจะเริ่มเมื่อใดที่จะเห็นผล ครูตั้นกล่าวว่า "การศึกษานั้นต้องมีระยะเวลาดำเนินการ แต่ผมตั้งเป้าเบื้องต้นว่าปีการศึกษา 2563 ในภาคเรียนแรกนั้นจะต้องเริ่มขับเคลื่อนเพื่อให้ผลงานออกมา จะเริ่มต้นที่ชั้นอนุบาลและประถมเพราะเป็นต้นทางของการเรียนรู้ เราต้องสร้างคนรุ่นใหม่ที่นี่เป็นขั้นต้น แต่ก็ไม่ลืมที่จะดูแลเยาวชนที่อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเรียนรู้ ผมมั่นใจว่าปีการศึกษาหน้าเราจะเริ่มเห็นผลบวกของการเปลี่ยนแปลงการศึกษา


          ทุกวันนี้ผมรับฟังทุกหน่วยงานแม้แต่นักเรียนที่ผมไปตรวจเยี่ยมสะท้อนทัศนคติด้านการศึกษาเสมอๆ ผมเชื่อว่าข้อมูลที่ทุกฝ่ายนำเสนอมานั้นจะช่วยให้เราก้าวเดินในรูปแบบใหม่ได้แน่นอน”


          เสมา 1 บอกว่า คุณภาพของบุคลากรในกระทรวงนี้มีหลากหลายด้านและเชื่อในความตั้งใจในการทำหน้าที่ แต่บางส่วนที่ภารกิจด้านการศึกษาไม่ก้าวหน้านักคือกติกา ฉะนั้นกฎหมายใดที่ใช้มาแล้วห้าปีต้องมาพิจารณาใหม่เพื่อให้สอดรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นในสังคมในตอนนั้นๆ เพราะหลายคนสะท้อนว่าอยากเปลี่ยนแต่ติดขัดตรงกติกา ดังนั้นจะร่วมกันกับทุกภาคส่วนแก้กติกาบางอย่างที่ทำให้การขับเคลื่อนการศึกษาสะดุดให้ลุล่วง หากแก้ไขตรงนี้ได้การพลิกโฉมการศึกษาไทยจะไปได้ดีแน่นอน


          “เราคุยกัน ทำงานร่วมกัน เพราะทุกอย่างต้องทำเพื่อประเทศ การศึกษาคือหัวใจการเดินหน้าของประเทศ มันคือวาระแห่งชาติที่ผมจะไปขอความร่วมมือกับทุกฝ่ายขับเคลื่อน” ณัฏฐพลกล่าว


          แน่นอนว่าการเดินหน้านโยบายรัฐบาลจะไปได้หรือไม่...อยู่ที่ความพร้อมของฝ่ายนิติบัญญัติที่เสมือนเป็นฐานเสียงที่หนุนฝ่ายบริหาร “พลังประชารัฐ” คือพรรคหลักของรัฐบาลผสมชุดนี้ ความพร้อมดังกล่าวจะไปได้รอดหรือไม่ ครูตั้นในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. และทำหน้าที่รองหัวหน้าพรรคด้วยนั้นกล่าวว่า "มั่นใจศักยภาพของ พล.อ.ประยุทธ์ที่มาทำหน้าที่หัวหน้ารัฐบาล ที่เข้าใจการบริหารประเทศและงานของรัฐสภา นายกฯ มีความพร้อมที่จะตอบคำถามของ ส.ส.และส.ว. เพราะเตรียมตัวมาแล้ว”


          “ยอมรับว่ากระบวนการในรัฐสภาจะเป็นส่วนหนึ่งของการล้มรัฐบาล แต่รัฐบาลชุดนี้มีความพร้อม ทุกพรรคร่วมรัฐบาลให้ความร่วมมือดีมากในการประชุม แม้พวกเราจะมีเสียงปริ่มน้ำ แต่ความร่วมมือบังเกิดนะ ครม.มีหน้าที่ขับเคลื่อนผลงานให้ออกมาตามที่แถลงนโยบายรัฐบาลไว้ให้เกิดผลเร็วที่สุด ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลจะไปขับเคลื่อนในพื้นที่และฟังเสียงชาวบ้านมาสะท้อน และร่วมประชุมรัฐสภา


          นายกฯ บอกกับครม.ว่า ตั้งใจร่วมมือทำงานและอย่าสร้างปัญหา ตรงนี้ก็ชัดแล้วเพราะหากเกิดปัญหาใดๆ ขึ้นมันอาจเป็นจุดจบของครม.ก็ได้ ผมเชื่อมั่นว่าครม.จะตั้งใจทำงานเต็มที่” แกนนำพปชร.คนนี้ระบุ


          ส่วนปัญหาขัดขากันในพรรคระหว่างกลุ่มต่างๆ นั้น แกนนำพปชร.กล่าวว่า “เมื่อแกนนำพรรคบางคนไปทำหน้าที่ในครม. แรงกดดันในช่วงก่อนหน้านี้ที่เคยมีมันก็คลายตัวแล้ว คงไม่มีอะไรอีก วันที่พวกเรามาร่วมตั้งพรรคนี้ขึ้นมาไม่คาดว่าพรรคจะเติบโตได้ขนาดนี้ เมื่อร่วมงานกันก็อาจมีสิ่งขลุกขลักบ้างในช่วงแรกๆ แต่ตอนนี้ทุกคนเข้าใจกันดีและมีทิศทางที่ชัดเจนกันแล้ว และหนึ่งเดือนข้างหน้านี้สังคมจะเห็นการพัฒนาของพรรคที่จะตอบโจทย์สังคมได้มาก คือคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคที่จะมีตัวแทนคนหลากกลุ่มและส.ส.ในภูมิภาคต่างๆ มาร่วมขับเคลื่อนภารกิจข้างต้น พปชร.จะสร้างทิศทางการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกทางการเมืองให้สังคมรับรู้และสัมผัสได้จริง เพราะจะยึดประชาชนกับผลประโยชน์ชาติที่มาจากนโยบายรัฐบาลเป็นที่ตั้ง”


          รอดูว่าความฝันที่ครูตั้นวาดไว้ทั้งการเมืองและการศึกษาจะบังเกิดผลหรือไม่...

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ