คอลัมนิสต์

ไม่ควรอยู่เฉย

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก ฉบับวันพุธที่ 31 กรกฎาคม 2562

 

 

          รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แสดงท่าทีต่อข้อเรียกร้องให้ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิด คือ พาราควอต ไกลโฟเสต และคลอร์ไพริฟอส เพื่อกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืชเอาไว้ว่า “เหรียญมีสองด้าน วันนี้ต้องขอความคิดเห็นจากทุกฝ่าย และมีคณะทำงานที่กำลังดำเนินการอยู่ ยืนยันว่าจะเลือกในสิ่งที่ดีที่สุดให้ประชาชน” แปลความได้ว่า การใช้สารเคมี มีทั้งด้านดีและด้านลบ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือจะยังไม่ชี้ชัดอะไรลงไปจนกว่าจะได้ข้อมูลที่ดีที่สุดจากคณะทำงาน ซึ่งก็นับเป็นแนวทางเดียวกับรัฐมนตรีเกษตรหรือรัฐบาลชุดก่อน ท่ามกลางเสียงเรียกร้องของภาคประชาสังคมให้ยกเลิก แต่จนแล้วจนรอด คณะกรรมการวัตถุอันตรายก็มีมติเพียงแค่ให้ “จำกัดการใช้” โดยเข้มงวดกับบุคคลที่เกี่ยวข้อง 4 กลุ่มคือ ผู้นำเข้า ผู้จำหน่าย ผู้ใช้และผู้รับจ้างพ่นสารเคมี

 


          ท่าทีล่าสุดจากกระทรวงเกษตรฯ คงจะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ เปิดให้เกษตรกรทั่วประเทศลงทะเบียนเข้ารับการอบรมการใช้สารเคมี 3 ชนิด ผ่านออนไลน์ “ระบบจำกัดการใช้สารเคมี 3 ชนิด” หรือที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง ทั้งนี้เป็นผลจากมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายที่อนุมัติให้กระทรวงเกษตรฯ ดำเนินมาตรการ “จำกัดการใช้” สารเคมีกำจัดวัชพืชและแมลงศัตรูพืช พร้อมมาตรการบังคับให้ผู้เกี่ยวข้อง 4 กลุ่มเข้ารับการอบรมจาก 4 หน่วยงาน คือ กรมส่งเสริมการเกษตร การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย โดยกรมวิชาการเกษตรจะอบรมเจ้าหน้าที่ของ 3 หน่วยงานเพื่อให้เป็นวิทยากรอบรมอีกทอดหนึ่ง


          การเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ยกเลิกเคมีเกษตรมีขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่องมากที่สุดในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สมัยแรก ซึ่งเป็นรัฐบาลอำนาจพิเศษ สามารถสั่งการใดๆ ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด แต่ข้อเรียกร้องนั้นก็ไม่เป็นผล เพราะรัฐบาลเองก็มองเช่นเดียวกันว่าเคมีเกษตรเป็นเหรียญสองด้าน คณะกรรมการชุดต่างๆ จึงถือกำเนิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่สุดท้ายก็มาจบลงที่คณะกรรมการวัตถุอันตรายซึ่งถูกฝ่ายที่ต่อต้านการใช้สารพิษออกมากล่าวหาอยู่เสมอว่าเอนเอียงไปกับกลุ่มธุรกิจนำเข้าสารเคมีและกลุ่มเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งต้องพึ่งพิงสารเคมีเกษตร แต่ถึงอย่างไรเมื่อมีมติออกมาแล้วการบังคับใช้ก็ต้องเดินหน้าต่อไปตามกลไกและกระบวนการ “จำกัดการใช้” ที่เริ่มมาแล้วเดือนกว่า


          จึงน่าสนใจติดตาม และทวงถามกันว่า เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ได้รัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาบริหารกระทรวงเกษตรฯ แล้วจะทบทวนและสร้างกระบวนการให้เกิดความโปร่งใสได้อย่างไร ในเมื่อยังมีคำครหา ยังมีเรื่องคาใจ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯ ก็พึงต้องพิจารณาว่าจะเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ได้หรือไม่ ที่สำคัญก็คือจะต้องเร่งมือดำเนินการให้แนวทางหรือนโยบายที่ชัดเจนไม่คลุมเครือ เพราะขณะนี้กระบวนการ “จำกัดการใช้” กำลังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว หากจะต้องยกเลิกกลางคันจะทำให้เกิดความเสียหายได้ ขณะที่การอบรมบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้ง 4 กลุ่ม ก็สูญเปล่า หรือในทางตรงกันข้ามหากกระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนมาตรการนี้ต่อไปก็จะต้องประกาศออกมาให้ชัดเพราะการแสดงท่าที “ย่ำรอยเดิม” ก็เท่ากับสนับสนุนให้กระบวนการต่างๆ เดินหน้าต่อไปตามมติคณะกรรมการชุดเก่านั่นเอง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ