คอลัมน์... กวาดบ้านกวาดเมือง โดย... ลมใต้ปีก
รัฐบาลเก่าหมดอำนาจไป รัฐบาลใหม่มาแทนที่แต่ผู้นำรัฐบาลเป็นนายกรัฐมนตรีคนเดิม คือ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่มีความต่างตรงที่การเป็นนายกรัฐมนตรีรอบสองไร้ซึ่ง “อำนาจพิเศษ” คือไม่มีอำนาจตาม ม.44 ที่สามารถจะออกหรือแก้ไขกฎหมายโดยไม่ผ่านสภา ไร้อำนาจพิเศษที่จะเรียกคนซึ่งมีความ “เห็นต่าง” ไปปรับทัศนคติอย่างเช่น 5 ปีที่ผ่านมา
เฉพาะการเรียกบุคคลที่เห็นต่างซึ่ง คสช.เห็นว่าอาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคง มีการเรียกบุคคลไปปรับทัศนคติถึง 1,349 คนในระยะเวลา 5 ปี มีการออกประกาศ-คำสั่ง คสช. และม.44 ซึ่งถือเป็นกฎหมายพิเศษที่คสช.ใช้อำนาจรัฏฐาธิปัตย์โดยไม่ต้องผ่านสภาถึง 456 ฉบับในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
แต่นับจากนี้ต่อไปไม่มี คสช. ไม่มีอำนาจในการเรียกบุคคลไปปรับทัศนคติ ไม่มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ในการประกาศใช้กฎหมาย ทุกอย่างต้องเข้าสู่ระบบ หากใครเห็นต่างหรือเป็นภัยต่อความมั่นคงก็จะต้องดำเนินการตามกระบวนการปกติและต้องเข้ากระบวนการศาลยุติธรรมพลเรือน มิใช่ศาลทหาร หากต้องการออกหรือแก้ไขกฎหมายต้องเสนอต่อรัฐสภา ยิ่งสภาพเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำเช่นนี้การเสนอกฎหมายเข้าสภาไม่ใช่เรื่องง่ายเฉกเช่นสภานิติบัญญัติดัง 5 ปีที่ผ่านมา
ไม่เพียงความยากลำบากในกระบวนการสภาที่จะผ่านด่านในการเสนอกฎหมาย หรือการเปลี่ยนกระทู้และญัตติต่างๆ เพราะสภาเป็นที่พูด ซึ่งปัญหาใหญ่ของ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คือการควบคุมอารมณ์ที่จะสามารถรักษาภาพความเป็น “คุณลุงใจดี” ดังเช่นที่เริ่มต้นใหม่ ตั้งแต่ 16 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ว่า “เริ่มต้นใหม่” ไปได้สักกี่น้ำ เพราะจะต้องทนเผชิญกับแรง “ยั่วยุ” ของฝ่ายค้านทั้งในและนอกสภา
การยั่วยุที่จะเกิดขึ้นของฝั่งตรงข้ามจะเป็นไปได้ทั้งการยั่วยุโดยข้อมูลจริงและข้อมูล “ที่สร้างขึ้น” เพื่อให้ลุงตู่ “ตกหลุม” แห่งการยั่วยุ จะได้ระเบิดอารมณ์ และเกิด “เหตุ” ที่คาดไม่ถึงขึ้นได้ และเหตุนั่นจะเป็นลบต่อรัฐบาลมากกว่าเป็นบวก
ขบวนการ “ยั่วยุ” ที่จะเกิดขึ้นทั้งในและนอกสภานั้น สืบเนื่องจากไม่มี “อำนาจพิเศษ” เป็นเกราะป้องกันตนหรือเล่นงานคู่ต่อสู้ ทำให้ไม่มีใคร “กลัว” อำนาจรัฐปกติอีกต่อไป
จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเจอคำขู่ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ว่าจะเผชิญกับ “นรก” แม้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะไม่ได้มีโอกาสเข้าสภา เพราะส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยสอบตกทั้งพรรคก็ตาม แต่ “ยี่ห้อเฉลิม" เมื่อออกมาขู่ขนาดนี้ต้องสร้างแรง “ยั่วยุ” ถึงนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลได้มากโข
การออกมาของร.ต.อ.เฉลิม เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งหลัง “อำนาจพิเศษ” ของลุงตู่หมดไป ก่อนหน้านี้ 5 ปีที่ผ่านมา จะไม่เห็นปฏิกิริยาและการเคลื่อนไหวในลักษณะ “ต่อต้าน-ยั่วยุ” ของ “ขุนศึกฝั่งธน” ผู้นี้มาก่อน
หลังจากนี้นักการเมืองที่ “แกล้งตาย” อีกหลายคนจะลุกขึ้นมาท้าทายอำนาจลุงตู่ และต้องบอกว่า “ไม่ง่าย” ที่จะรับมือ เพราะสถานการณ์ต่อจากนี้ไม่เหมือน 5 ปีที่ผ่านมาอีกต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง