คอลัมนิสต์

ดาราโพสต์การเมืองโดนรุมถล่มสังคมป่วย...หมกมุ่นโซเชียล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คอลัมน์... ล่าความจริง..พิกัดข่าว โดย...  สลิตา พรรณลึก, อนุรักษ์ เพ็ญสวัสดิ์

 

 

          เรื่องราวการโพสต์ในโซเชียลมีเดียของผู้ใช้ “ไอจี” ที่มีชื่อว่า a_adisorn กับข้อความแฮชแท็กสั้นๆ “#ดักตบอีช่อช่อง Arrival” จากนั้นก็มีคนในวงการบันเทิงพากันไปกดไลค์และคอมเมนต์จนกระแสตีกลับไปยังตัวของดาราศิลปิน ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปต่อว่า พร้อมประกาศเลิกอุดหนุนผลงาน

 

 

          สองวันมาแล้วที่กระแสนี้ถูกพูดถึง โดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียที่มีการแชร์ออกไป พร้อมติดแฮชแท็กในทวิตเตอร์จนติดเทรนด์ตลอดทั้งวัน จนในที่สุดผู้เกี่ยวข้องทุกคนที่มีรายชื่อก็ออกมาชี้แจงและขอโทษกันจ้าละหวั่น ไม่ว่าจะเป็น “พีท พล”, “อีฟ” พุทธธิดา ศิระฉายา และทาทา ยัง


          หลังพายุอารมณ์ผ่านพ้นไป ไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้โพสต์ข้อความแนะนำคนในแวดวงบันเทิงเกี่ยวกับการวิจารณ์การเมืองว่า “ไม่คุ้ม” โดยเฉพาะวิจารณ์ในเชิงแตกแยก ทำให้แตกความสามัคคี มีแต่จะเกิดความเสียหายสะท้อนกลับ


          แต่ก็ยังไม่วายที่ศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง “อุ๊ หฤทัย” ออกมาแสดงความคิดเห็นโต้กลับผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวในเชิงตั้งคำถามว่า ประชาธิปไตยแบบไหนหรือ? ถึงมาห้ามศิลปิน ดารา นักร้อง แสดงความคิดเห็นทางการเมือง ต้องนักการเมืองเท่านั้นหรือถึงจะพูดเรื่องการเมืองได้ ไม่จำเป็นหรอก! เรื่องที่ทำท่าจะจบ ก็เลยยังไม่จบ...


          จะว่าไปกระแสการเมืองบนโลกโซเชียลมีเดียบ้านเราต้องบอกว่ารุนแรงสุดๆ ไม่ใช่แค่วิจารณ์ตอบโต้ด่าทอกันไปมาเท่านั้น แต่ข่าวลือข่าวลวง fake news หรือแม้แต่ไอโอ หรือปฏิบัติการข่าวสาร ยังทะลักล้นเต็มไปหมด ความเห็นของสังคมแตกออกเป็น 2 ฝ่ายชัดเจน และก้าวข้ามเรื่องเหตุผลกันไปหมดแล้ว

 

 


          เหตุนี้เองเมื่อเหล่าคนดัง ศิลปิน ดารา นักร้อง ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นตามช่องทางออนไลน์จึงกลายเป็นข่าวฮือฮา และถูกจับตามองมากเป็นพิเศษ หลายคนแสดงความเห็นตามหลักการธรรมดาๆ แต่ก็ถูกสร้างกระแสเกลียดชัง กระทบกับงานแสดงหรืออีเวนท์ต่างๆ อยางกรณีของ “ปั้นจั่น” ปรมะ อิ่มอโณทัย ที่เชื่อกันว่าโพสต์การเมืองของเขาเป็นต้นเหตุทำให้ภาพยนตร์ที่เขาแสดงนำอยู่ในภาวะ “เงียบสงัด”


          ที่น่าสนใจก็คือดารา นักร้อง นักแสดง มักตกเป็น “จำเลย” ของสถานการณ์และต้องรับผลร้าย ซึ่งบางครั้งก็เกินกว่าการกระทำของเขาเองเสียอีก


          แน่นอนว่าประเด็นนี้ต้องแยกเป็น 2 มุม มุมหนึ่งคือการสนับสนุนให้ใช้ความรุนแรง ตอกลิ่มให้แตกแยกมากขึ้น แบบนี้ก็ต้องถูกกระแสสังคมพิพากษา แต่สำหรับบางคนที่เสนอความเห็น หรือแสดงจุดยืนทางใดทางหนึ่งแบบธรรมดา ไม่ซับซ้อน และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เขาจำเป็นต้องรับผลที่เกิดขึ้นขนาดนั้นหรือไม่


          ประเด็นที่หลายคนไม่เคยถามเลยก็คือ จริงๆ แล้วสังคมไทยกับการใช้โซเชียลมีเดียอยู่ในบรรยากาศที่เคารพกติกา มีมารยาทมากพอหรือไม่ สังคมไทยกำลังตกอยู่ในภาวะ “ป่วย” หรือเปล่า


          ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสื่อสาร พันธ์ศักดิ์ อาภาขจร บอกกับ “ล่าความจริง” ว่าสังคมไทยตอนนี้กำลังตกอยู่ในภาวะผิดปกติ เรียกง่ายๆ ก็คือสังคมอยู่ในภาวะป่วยจากการใช้โซเชียลมีเดียอย่างหมกมุ่น เพราะที่ผ่านมาเราจะเห็นได้ว่าคนไทยใช้เวลาไปกับการใช้อินเทอร์เน็ตอยู่ในระดับต้นๆ ของโลก โดยเฉพาะการใช้เฟซบุ๊ก ซึ่งมักใช้เพียงแค่ตอบสนองความบันเทิงและตอบโต้เรื่องราวต่างๆ มากกว่าจะใช้ประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต จนกลายเป็นช่องทางที่มีไว้เพื่อแสดงคิดเห็นส่วนตัวจนเกินขอบเขตที่ควรจะเป็นไปตามบริบทสังคม


          ตัวอย่างที่เห็นชัดๆ ก็คือเรื่องราวดราม่าในวงการบันเทิงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อเหล่าคนมีชื่อเสียงได้ใช้สื่อสังคมออนไลน์แสดงความเห็นส่วนตัวจนกลายเป็นข่าวใหญ่โตซึ่งหลายเหตุการณ์ทำให้คนดังหลายคนได้รับผลกระทบจากการโพสต์ข้อความ บางรายออกมาขอโทษสังคมแล้วก็อาจจะได้รับการอภัย แต่บางรายกลับกลายเป็นคดีความ


          อย่างเช่น กรณีของดาราชายคนหนึ่งที่มีการโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเมืองจนทำให้ได้รับผลกระทบทั้งงานแสดง การขุดคุ้ยประวัติ ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ มีการเข้าไปแก้ประวัติของดาราชายคนนั้นในวิกิพิเดีย เนื่องจากเกิดจากความไม่พอใจ


          “ผมมองว่ามารยาทในการใช้โซเชียลของคนไทยยังไม่ได้มาตรฐาน พฤติกรรมการใช้สื่อสังคมออนไลน์ของคนไทยในตอนนี้สะท้อนให้เห็นว่าสังคมไทยกำลังเข้าสู่ภาวะป่วยจากการใช้โซเชียล” พันธ์ศักดิ์ กล่าว พร้อมคำเตือนทิ้งท้าย ทุกคนต้องไม่ลืมว่า ข้อมูลที่มีอยู่ในโลกออนไลน์จะไม่มีวันหายไปเพราะโลกอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือน “เครื่องถ่ายเอกสาร” ที่ใหญ่ที่สุดในโลกใบนี้


 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ