คอลัมนิสต์

'บุนยัง วอละจิด'ผู้นำลาวคนใหม่

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'บุนยัง วอละจิด'ผู้นำลาวคนใหม่ : มนุษย์สองหน้า โดยแคน สาริกา

            ข่าวสารการเมืองทางฟากฝั่งซ้าย อาจไม่ใช่ข่าวใหญ่ในเมืองไทย ดังนั้น สื่อไทยส่วนใหญ่จึงไม่ให้ความสำคัญมากนัก

            ตรงกันข้าม นักธุรกิจไทยกลับให้ความสำคัญกับการประชุมสมัชชาพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ครั้งที่ 10 มากกว่า เพราะที่ผ่านมา นักธุรกิจไทยรู้ดีว่า การข้ามไปลงทุนทำธุรกิจในลาวนั้น จะต้องพึ่งพาคอนเนกชั่น “การเมืองหลังม่าน” เป็นสำคัญ

            การพูดจาเรื่องการเมืองลาวในที่สาธารณะเป็นสิ่งต้องห้าม แต่ในวงลับ นักธุรกิจต่างชาติจะต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับ “โครงสร้างอำนาจ” ในแผ่นดินจำปา

            สำหรับกองประชุมใหญ่ผู้แทนสมาชิกพรรคทั่วประเทศ ครั้งที่ 10 ของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ได้ปิดลงในวันที่ 22 มกราคม 2559 หลังจากดำเนินการประชุมมาเป็นเวลา 5 วัน ภายใต้คำขวัญ “ยกสูงความสามารถนำพา และลักษณะนำหน้าของพรรค เพิ่มทวีความสามัคคีทั่วปวงชนทั้งชาติ ยึดมั่นแนวทางการเปลี่ยนแปลงใหม่อย่างรอบด้าน และมีหลักการ ปกปักรักษา และพัฒนาประเทศชาติตามทิศยืนยง สู่จุดหมายสังคมนิยมอย่างหนักแน่น”

            ในที่ประชุมสมัชชาพรรคฯ มีบรรดาสมาชิก 685 สหาย ที่เป็นตัวแทนให้สมาชิกพรรคทั่วประเทศ 252,879 สหาย เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

            ไฮไลต์ของการประชุมอยู่ที่ 2 วันสุดท้าย โดยวันแรกมีการเลือกตั้ง “คณะกรรมการบริหารศูนย์กลางพรรค” จำนวน 69 สหาย และกรรมการสำรอง 8 สหาย

            วันถัดมา คณะกรรมการบริหารศูนย์กลางพรรคประชาชนปฏิวัติลาว 69 สหาย ได้เลือก “กรมการเมือง” ประจำศูนย์กลางพรรคและเลขาธิการใหญ่ คณะบริหารศูนย์กลางพรรคฯ จำนวน 11 สหาย

            สหายบุนยัง วอละจิด รองประธานประเทศ ได้รับเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ แทนสหายจูมมะลี ไซยะสอน ประธานประเทศ สปป.ลาว

            ในรายชื่อกรมการเมืองพรรคลาวชุดใหม่ ที่น่าสนใจคือ สหายทองลุน สีสุลิด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้รับเลือกเป็นกรมการเมือง ลำดับที่ 2 ส่วนสหายปานี ยาทอตู้ ประธานสภาแห่งชาติ ได้รับเลือกเป็นกรมการเมือง ลำดับที่ 3

            สำหรับคนรุ่นใหม่ที่เป็น “ลูกสหายนำ” ก็ได้เป็นกรมการเมือง 2 คนคือ สหายไซสมพอน พมวิหาน รองประธานสภาฯ ลูกชายไกสอน พมวิหาน กับสหายสอนไซ สีพันดอน รัฐมนตรีห้องว่านายกฯ ลูกชายคำไต สีพันดอน ตามธรรมเนียมปฏิบัติของพรรคประชาชนปฏิวัติลาว ผู้ที่ได้เป็นเบอร์ 1 ของกรมการเมือง ก็จะได้เป็นประธานประเทศ

            นั่นหมายความว่า สหายบุนยัง วอละจิด จะได้เป็นประธานประเทศคนใหม่

            ว่ากันว่า “คณะนำ” รุ่นก่อตั้งพรรคประชาชนปฏิวัติลาวตัดสินใจ

            ให้ “สหายบุนยัง” เป็นเลขาธิการใหญ่และประธานประเทศ สปป.ลาว เพื่อรอเวลา “คนรุ่นใหม่” มีอาวุโสสูงพอจะเป็นผู้นำประเทศ “บุนยัง” ในวัย 79 ปี เกิดที่บ้านนา เมืองท่าปางทอง แขวงสะหวันนะเขต โดยเข้าร่วมการปฏิวัติตั้งแต่วัยหนุ่ม เป็นทหารสังกัดกองทัพปลดปล่อยประชาชนลาว

            ระหว่างปี 2516-2518 เป็นรองผู้บัญชาการรบภาคเหนือ และหลังปลดปล่อยชาติ ได้ไปเรียนทฤษฎีขั้นสูง อยู่เวียดนาม

            ปี 2525 “บุนยัง” เป็นเลขาฯ คณะพรรคแขวงสะหวันนะเขต และเป็นเจ้าแขวงสะหวันนะเขต

            ปี 2534 สมัชชาพรรค สมัยที่ 5 เลือกเขาเป็นกรรมการศูนย์กลางพรรค และขยับเป็นกรมการเมือง เลขาฯ คณะพรรคนครหลวงเวียงจันทน์

            ปี 2542 เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงการเงินและปี 2544 เป็นนายกรัฐมนตรี

            ปี 2549 เป็นกรมการเมือง, ผู้ประจำการคณะเลขาธิการ และรองประธานประเทศ จะว่าไปแล้ว ในกลุ่มผู้นำปฏิวัติลาวรุ่นแรก ส่วนใหญ่วางมือทางการเมือง และส่งไม้ให้ทายาทกันเกือบหมดแล้ว ซึ่งในที่ประชุมพรรคครั้งหลังสุด ก็มี 4 สหายอาวุโส คือ จูมมะลี ไซยะสอน, ทองสิง ทำมะวง นายกรัฐมนตรี, สมสะหวาด เล่งสะหวัด รองนายกรัฐมนตรี และอาซาง ลาวลี ได้เวลาพักผ่อนอยู่กับลูกหลาน

           “บุนยัง วอละจิด” จะเป็นผู้นำรุ่นก่อตั้งพรรคคนสุดท้าย ที่จะอยู่ในตำแหน่งประธานประเทศ สปป.ลาว ไปอีกหนึ่งสมัย ก่อนจะส่งไม้ให้คนรุ่นใหม่รับช่วงต่อไป


 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ