
นำร่องก่อนคืนเงินคนจน
นำร่องก่อนคืนเงินคนจน : บทบรรณาธิการประจำวันที่ 6 ตุลาคม 2557
ไม่มีใครไม่เห็นด้วยเป็นแน่ ถ้าหากว่า เงินจำนวน 1,000 บาทต่อไร่ หรือ 15,000 บาท สำหรับที่ดินไม่เกิน 15 ไร่ จะตกถึงมือชาวนาถ้วนทั่วทุกหัวระแหง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยเงินใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบอีกนับหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันก็จะช่วยเยียวยาชาวนาที่กำลังถูกห้ามทำนาปรังที่จะเริ่มต้นฤดูกาลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน-30 เมษายนปีหน้า อันเนื่องมาจากแผนการบริหารจัดการน้ำในภาวะแห้งแล้งฝนทิ้งช่วง แต่กระนั้นก็ตาม เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมาก็คือ การให้เงินเปล่าแก่ชาวนาก็คือนโยบายประชานิยมเพื่อเรียกคะแนนเสียงสนับสนุน เหมือนเช่นที่นักการเมืองใช้เพื่อสร้างฐานเสียงในอดีต ซึ่งสุดท้ายก็ไม่ได้ยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนา หนำซ้ำยังทำให้คนรากหญ้าอ่อนเปลี้ยเสียขา ไม่มีสามารถพึ่งพาตนเองได้ในที่สุด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน อดีตนายกสมาคมโรงสีข้าวไทย เห็นว่า เงินจำนวนนี้แค่ใช้หนี้เก่าก็หมดแล้ว คงไม่เหลือให้ชาวนาได้ใช้สอยตามเป้าหมายของรัฐบาล ขณะที่ นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้ว่า ยังมีชาวนายากจนที่ไม่มีที่ทำกินเกือบ 8 แสนครอบครัว รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลืออย่างไร ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บอกถึงการใช้จ่ายเงินตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาพรวม ว่า "ผมจะไม่ยอมให้ใครมาแกะห่อขนมกินกลางทาง ก่อนถึงมือพี่น้องประชาชนโดยเด็ดขาด" ซึ่งเป็นการรับประกันว่า การให้เงินชาวนาครั้งนี้จะไม่หายหกตกหล่นอย่างนโยบายประชานิยม ซึ่งก็จะต้องเปลี่ยนระบบการจ่ายเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้ไอติมถูกเลียระหว่างทางโดยคนจำนวนมาก เมื่อไปถึงคนจนก็เหลือแต่ไม้ไอติมอย่างที่ทราบกันดี
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนว่า การให้เงินชาวนานี้ ไม่ใช่นโยบายประชานิยม ซึ่งเอื้อประโยชน์กับคนบางกลุ่ม เกี่ยวโยงกับพรรคการเมืองและแปรเปลี่ยนไปตามคณะผู้บริหารและนโยบายจากพรรคการเมืองต่างๆ อยู่เสมอๆ หากแต่เป็นการดำเนินนโยบายที่ยึดโยงกับมาตรการทางภาษีในอนาคต หรือที่ทางวิชาการเรียกว่า การคืนภาษีคนจน โดยใช้หลักการโอนเงินโดยตรงถึงผู้มีรายได้น้อยผ่านการจ่ายเช็ค หรือโอนเงินสด เพื่อให้เขาสามารถลืมตาอ้าปาก และประกอบสัมมาอาชีพที่แข็งแกร่งได้ในอนาคตและกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัว ทั้งนี้มีเงื่อนไขว่า ผู้ที่ได้รับโอนจะต้องทำงาน และยื่นแบบแสดงรายการภาษีรายได้บุคคลธรรมดา ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ทุกคนทำงานแลก ไม่ใช่แบมือรอรับสวัสดิการที่อาจส่งเสริมให้คนเกียจคร้านได้
ในประเด็นดังกล่าวมานี้ รัฐบาลจะต้องมีความชัดเจนว่า การให้เงินชาวนา เป็นการนำร่องก่อนถึงมาตรการคืนภาษีคนจนหรือ Negative Income Tax ซึ่งนอกจากจะไม่ใช่ประชานิยมอย่างที่วิพากษ์วิจารณ์กันแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริงขณะเดียวกันก็จะจูงใจให้ประชากรเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้นด้วยใช่หรือไม่ ซึ่งถ้าหากรัฐบาลเลือกแนวทางนี้ก็จะต้องเดินหน้าคืนเงินให้ประชาชนคนยากไร้ทุกหมู่เหล่าอย่างทั่วถึงด้วย อันจะนับได้ว่า รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินหน้าใช้นโยบายแก้จนอย่างมีหลักการและเป็นระบบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน