
วงจรอาวุธ
การจับตายกลุ่มโจรใต้ 4 ศพ ที่บ้านตือระ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ทำให้หลายคดีคลายปมสงสัย วงรอบการลงมือ กลุ่มเคลื่อนไหวในพื้นที่เริ่มชัดเจนขึ้น
อาวุธปืนที่พบในตัวคนร้ายเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญนำไปสู่การคลี่คลายคดี ไม่ว่าเหตุยิงรถตู้โดยสารสายหาดใหญ่-เบตง ฆ่าตัดคอชาวบ้านในสวนยางและคดียิง ส.ต.ต.เกรียงไกรเนื่องจากปืนที่พบในตัวคนร้ายเป็นของ ส.ต.ต.เกรียงไกร
นายมะซอบี ยะโก๊ะ หนึ่งในคนร้ายที่ถูกจับตายยังเกี่ยวพันกับคดีฆ่า ร.ต.อ.ธรนิศ ศรีสุข หรือผู้กองแคน และ ร.ต.ต.กฤติกุล บุญลือ หรือหมวดตี้ เนื่องจากอาวุธปืน 9 มม.ของผู้กองแคน อยู่ในมือของคนร้ายรายนี้ด้วย
เมื่อตรวจสอบประวัตินายมะซอบี พบมีหมายจับถึง 16 คดี ถือเป็นแกนนำคนสำคัญ
กลุ่มโจรใต้คงเสียขวัญสักระยะ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ต้องรีบกดดันไล่ล่าพวกที่เหลืออย่าให้ตั้งหลักได้ โดยเฉพาะพื้นที่เคลื่อนไหวใน อ.บันนังสตา จ.ยะลา
ต้องประสานกับเขตติดต่อเพื่อจำกัดเส้นทางหลบหนีหรือผลักดันให้หลบเข้าป่าไปก่อนเคลียร์เป็นจุดๆ เพื่อลดความกดดันของชาวบ้าน เมื่อคนร้ายไม่อยู่ใกล้ตัวการทำความเข้าใจขอความร่วมมืออาจง่ายขึ้น
มีข้อมูลน่าสนใจจาก พล.ต.ต.ประพัฒน์ คนตรง รองผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (รอง ผบช.สนว.) ว่าการก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดใต้ที่ผ่านมาสามารถเก็บหลักฐานเป็นปลอกกระสุนถึง 8,427 ปลอก หัวกระสุน 661 หัวซึ่งเกี่ยวข้องกับ 553 คดี พบอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ 3,100 กระบอก ใช้ก่อเหตุซ้ำ 479 กระบอก มีลายนิ้วมือผู้ต้องสงสัย 4,799 ตัวอย่าง
เห็นตัวเลขอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุแล้วต้องบอกว่าน่าตกใจ เพราะหากว่าโจรใต้มีอาวุธปืนคนละ 1 กระบอกแสดงว่า กลุ่มก่อความไม่สงบมีกองกำลังติดอาวุธถึง 3,100 คน กระจายตัวอยู่ในพื้นที่
ยังไม่นับอาวุธปืนที่ใช้ก่อคดีซ้ำที่อาจจะมีมือใหม่หรือพวกรับงานเสริมที่เบิกอาวุธไปลงมือสังหารชาวบ้านและเจ้าหน้าที่รัฐ แล้วนำกลับมาคืนจากร่องรอยลายนิ้วมือที่พบกว่า 4,000 ตัวอย่าง
ที่ชัดเจนขณะนี้ ทั้งปืนสั้นและอาวุธสงคราม ได้มาจากการปล้นค่ายทหารและการลอบสังหารตำรวจ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ชาวบ้าน แต่ปริมาณไม่มาก
แสดงว่ามีขบวนการขนอาวุธ เครื่องกระสุนเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เครือข่ายต้องไม่ใช่เล็กๆ ถึงเล็ดลอดสายตาเจ้าหน้าที่ไปได้
ถ้าตามแกะรอยเข้าถึงตัดวงจรอาวุธได้ บางทีกลุ่มโจรใต้อาจค่อยๆ หมดลมหายใจไปเอง !!