ข่าว

ประกันสังคม "เคาะเพิ่ม" 2,500 เยียวยา "ผู้ประกันตนม. 33"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สำนักงานประกันสังคม เคาะเพิ่ม เงินเยียว หลังครม.เห็นชอบ ช่วยเหลือ "ผู้ประกันตนม.33" 2500 บาท 1 เดือน

โครงการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนมาตรา 33 ในกิจการที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐ ควบคุมสูงสุด และเข้มงวด (กรุงเทพมหานครและปริมณฑล) ที่รัฐบาลได้มีการอนุมัติจ่ายเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบเนื่องจากพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 25) ทำให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ต้องหยุดงานตามรัฐสั่ง ตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน ถึง 27 กรกฎาคม 2564 สำนักงานประกันสังคมได้จ่ายประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเหตุสุดวิสัย แก่ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ได้รับผลกระทบ  โดยให้นายจ้างรับรองว่าผู้ประกันตนมาตรา 33 มีกี่คน หยุดตั้งแต่เมื่อใด ซึ่งผู้ประกันตนกลุ่มนี้ได้มีการส่งเงินสมทบตามกฎกระทรวง จึงเป็นสิทธิประโยชน์ที่เขาพึงได้รับ

 

 

นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ โฆษกสำนักงานประกันสังคม ชี้แจงว่า สำหรับกรณีเงินเยียวยารัฐบาลที่ช่วยเหลือนายจ้างและผู้ประกันตน 4 ประเภทกิจการ ในเขตพื้นที่ 6 จังหวัด ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงที่ต้องหยุดงานตามคำสั่งรัฐฉบับดังกล่าว โดยนายจ้างจะได้รับเงินเยียวยาเท่ากับจำนวนผู้ประกันตนที่ขึ้นทะเบียนในสถานประกอบการ แต่รับได้ไม่เกิน 200 คน ในอัตรา 3,000 บาท ต่อคน และผู้ประกันตนสัญชาติไทยจะได้รับเงินเยียวยา 2,500 บาท ต่อคน และได้รับเพียงครั้งเดียว ซึ่งสำนักงานประกันสังคมจะพิจารณาจ่ายเงินให้ตามฐานข้อมูลการหยุดงานที่นายจ้างแจ้งเข้ามาในระบบ แต่หากไม่อยู่ในระบบประกันสังคมจะไม่สามารถตรวจสอบการหยุดงานตามคำสั่ง ศบค. ได้ จึงไม่สามารถจ่ายเงินในส่วนนี้ได้ของค่าจ้าง โดยเบื้องต้นสำนักงานประกันสังคมได้จ่ายเงินเยียวยาให้ผู้ประกันตนไปแล้ว จำนวน 17,920 คน เป็นเงิน 87,631,033.80 บาท โดยแยกเป็น กิจการก่อสร้าง 16,468 ราย เป็นเงิน 79,801,420.45 บาท ที่เหลือเป็นกิจการร้านอาหาร และภัตตาคาร 1,452 ราย เป็นเงิน 7,829,613.35 บาท

 

 

สำหรับมาตรการเยียวยานายจ้างและผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ที่ สำนักงานประกันสังคม ครอบคลุมพื้นที่ 4 กิจการ คือ ก่อสร้าง  ที่พักแรมและบริการด้านอาหาร  ศิลปะความบันเทิงและนันทนาการ  และกิจกรรมการบริการด้านอื่นๆ ทั้งนี้ ในส่วนของลูกจ้างที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตน นายจ้างก็สามารถขึ้นทะเบียนได้จนถึงวันที่ 30 กรกฎาคม 2564 หากมีข้อสงสัยโทรสอบถาม สายด่วน 1506

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ