ข่าว

ด่วน จับสึกแล้ว.."พระกรันยา" สอนผิดพระธรรมวินัย

ด่วน จับสึกแล้ว.."พระกรันยา" สอนผิดพระธรรมวินัย

29 มี.ค. 2564

จับสึกแล้ว "พระกรันยา "หลังพบสอนผิดพระธรรมวินัย ทั้งสอนให้เสพเมถุน ฟ้อนรำ บรรเลงดนตรีในที่พักสงฆ์ เบื้องต้นเจ้าตัวไม่ยอม จนต้องนำตัวมาสึกที่สถานีตำรวจ โดยเชิญพระอุปัชฌาย์มาสึกให้

29 มีนาคม 2564 ที่ ที่พักสงฆ์ วัดป่าเนื้อนาบุญ บ้านกอกหวาน ตำบลโพธิ์ศรี อำเภอปรางค์กู่ จังหวัดศรีสะเกษ พระวินัยเมธี เจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ (ธ) พระครูวิศาลธรรมพินิจ เจ้าคณะอำเภอขุขันธ์ พร้อมด้วยคณะพระสงฆ์ที่เป็นชุดกรรมการสอบอธิกร กับ พระกรันยา ถาวรธมฺโม สังกัดวัดถ้ำสระพงษ์ ตำบลปรือใหญ่ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ หัวหน้าที่พักสงฆ์ วัดป่าเนื้อนาบุญ ซึ่งได้มีคำสอนอบรมแก่สิทธิ์ยานุศิษย์ ที่ผิดเพี้ยนไปจากพระธรรมคำสั่งสอนที่ส่งตรัสรู้เองโดยชอบ

ด้วยการอบรมให้ศิษย์กล่าววาจาเทศนาให้น้อมไปในทางเสพกามคุณ และการสอนศิษย์ให้เชื่อว่า ตนเองได้บรรลุมรรคผลแล้ว ด้วยการปฎิบัติธรรมสมาธิ โดยการกั้นลมหายใจดำน้ำในตุ่มในถัง ซึ่งจะทำให้ผู้ปฏิบัติตามนั้นได้บรรลุมรรคผลได้ กับการใช้เวลาไม่มาก และการใช้วาจาแนะนำบอกกล่าวอุบายแก่ศิษย์ ให้เป็นคู่รักกันได้หากตนเองไม่มีคู่รัก

 

พร้อมร่วมกันจัดกิจกรรมบันเทิงรื่นเริงฟ้อนรำ บรรเลงเพลงดนตรีภายในที่พักสงฆ์ ซึ่งเชื่อได้ว่าเป็นการปฎิบัติธรรมผิดเพี้ยน และยังได้บันทึกลงไป ในสื่อออนไลน์ต่างๆ จนเกิดเหตุวิพากษ์วิจารณ์ในวิธีการสอนของ“พระกรันยา

คณะสงฆ์จังหวัดจึงได้เข้ามาตรวจสอบยังที่พักสงฆ์วัดป่าเนื้อนาบุญ พร้อมได้ตักเตือนให้พระกรันยา ได้ปรับปรุงคำสอนเสียใหม่ให้ถูกต้อง แต่พระกรันยา กลับเพิ่มการโพทนาอุบายวิธีการอบรมสั่งสอนที่ปฏิบัติผิดเพี้ยนของตนออกรายการทีวีอย่างต่อเนื่อง ไม่รับฟังการอบรมตักเตือนของพระอาจารย์เจ้าคณะผู้ปกครอง

คณะสงฆ์จึงเห็นว่าการอบรมสั่งสอนของพระกรันยา เป็นอันตรายต่อพระธรรมคำสั่งสอนที่ทรงตัดสระรู้ได้ด้วยตนเองโดยชอบ และย่อมนำไปสู่การต้องปรับอาบัติ ที่ประชุมคณะสงฆ์จึงมีมติเป็นที่สุดให้ พระกรันยา ถาวรธมฺโม ลาสิกขาออกจากความเป็นคณะสงฆ์ธรรมยุตตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

แต่พระกรันยา ยังได้ทำการดื้อแพ่งไม่ยอมสึกแต่โดยดีจึงได้ขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรปรางค์กู่ ได้ กราบนิมนต์ขึ้นรถเพื่อไปสึกที่สถานีตำรวจ โดยมีพระอุปชา หลวงพ่อสุนทร. มาทำการสึกให้ภายในห้องควบคุมของสถานีตำรวจ ภายหลังสึกก็ได้สวมใส่ชุดขาวไว้ โดย ตอนนี้ได้ กลับมาใช้ชื่อเดิมเป็นประชาชนบุคคลธรรมดาชื่อว่า นายกรันยา อินธนู อายุ 59 ปี