รมว.แรงงาน เคาะ โครงการ "ม.33 เรารักกัน" เยียวยา ผู้ประกันตน ม.33 เปิดลงทะเบียน 16 ก.พ. รับเงิน 4,000 บาท ผ่านแอปฯเป๋าตัง ไม่จ่ายเงินสด
5 ก.พ.64 นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับประธานและผู้แทนสภาองค์การลูกจ้าง และสหพันธ์แรงงาน 39 แห่งว่า หลังจากมีการหารือกับนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการจ่ายเงินเยียวยาประกันสังคม มาตรา 33 โครงการ "ม.33 เรารักกัน" ตนและท่านนายกฯมีความคิดเห็นว่าตรงกันว่า อยากให้เงินเยียวยาให้กับทุกคน เพื่อความยุติธรรมและไม่มีข้อครหาในกลุ่มลูกจ้าง จึงเป็นที่มาของการประชุมผู้นำองค์กรแรงงานกว่า 39 แห่ง เพื่อทำความเข้าใจร่วมกันในวันนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เคาะแล้ว "เรารักกัน" ม.33 รับไปเลย 4 พัน
โดยหลักเกณฑ์การจ่ายเงินเยียวยาประกันสังคม มาตรา 33 โครงการ "ม.33 เรารักกัน" ที่ตกผลึกเรียบร้อยแล้ว จะจ่ายเม็ดเงินจำนวน 4,000 บาท จ่ายสัปดาห์ละ 1,000 บาท ให้กับจำนวนผู้ประกันตนมาตรา 33 สัญชาติไทยเท่านั้น และไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ประมาณ 9 ล้าน 2 แสนคน ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตังเท่านั้น ไม่จ่ายเงินสด
ทั้งนี้ ตอนแรกจะยื่นข้อสรุปละรายละเอียดทั้งหมดเกี่ยวกับการจ่ายเงินเยียวยาประกันสังคม มาตรา 33 โครงการ "ม.33 เรารักกัน" เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ในวันที่ 9 ก.พ.นี้ แต่ตนคิดว่าไม่ทัน จึงข้อเลื่อนวันเป็นวันที่ 15 ก.พ.2564 แทน โดยระหว่างการรอยื่นเรื่องเข้า ครม. ได้มีการจัดทำเว็บไซต์เตรียมพร้อมสำหรับการลงทะเบียน “ม.33 เรารักกัน” แล้ว
ทั้งนี้ จะเริ่มลงทะเบียนประกันสังคม มาตรา 33 โครงการ "ม.33 เรารักกัน" ได้ตั้งแต่วันที่ 16-28 ก.พ.64 หลังจากนั้นวันที่ 1 -7 มี.ค. จะมีการตรวจสอบสิทธิ และ 8-14 มี.ค. จะให้ผู้ประกันตนมาตรา 33 ยืนยันตัวตนบนแอบพลิเคชั่นเป๋าตัง และเงินจะเริ่มจ่ายเข้าแอบฯ ในวันที่ 15 มี.ค. - 5 เม.ย. 2564 และมีกรอบสิ้นสุดการใช้จ่ายถึง 31 พ.ค. 2564 เท่ากับโครงการเราชนะ
สำหรับหลายองค์กรแรงงาน ตั้งข้อสงสัยถึงการใช้หลักเกณฑ์ผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่มีเงินฝาก 5 แสนบาทในบัญชี แล้วจะไม่ได้รับสิทธิเงินเยียวยานั้น หลายแห่งยังคงสับสนในหลักเกณฑ์นี้ นายสุชาติ ยืนยันว่า การตรวจสอบ จะตรวจสอบเฉพาะบัญชีเงินเงินฝากเท่านั้น เช่น นาย ก. มีบัญชีเงินฝากกี่เล่ม และดูจำนวนยอดรวมเงินฝากในบัญชีที่วิ่งอยู่ หากกรณีที่ผู้ประกันตนมาตรา33 เคยนำเงินไปลงทุน ในกองทุน ,พันธบัตรรัฐบาล หรือสลากออมสิน จะไม่รวมอยู่ในส่วนนั้น โดยกระทรวงการคลังและธนาคารจะเป็นผู้ตรวจสอบและพิจารณาเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง