ข่าว

"ศรีสุวรรณ" กลับลำปมบ้านแม่เกิบ จี้ "วราวุธ"กำหนดพื้นที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับแนวคิด"คนอยู่กับป่า"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"ศรีสุวรรณ" กลับลำปมบ้านแม่เกิบ จี้ "วราวุธ"กำหนดพื้นที่อยู่อาศัยให้สอดคล้องกับแนวคิด"คนอยู่กับป่า" หลังเปิดประเด็นรุกป่า อ้าง รธน.2560 ม.70 รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์มีสิทธิดํารงชีวิต เท่าที่ไม่เป็นอันตรายต่อความมั่นคง

12 ม.ค.64 จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย แสดงความเห็นผ่านเฟซบุ๊ก กรณี "พิมรี่พาย" แม่ค้าออนไลน์ และ ยูทูปเบอร์ชื่อดัง นำโซลาร์เซลล์ไปติดตั้งที่หมู่บ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ว่าหลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียม พบว่า บ้านแม่เกิบ เป็นหมู่บ้านที่ตั้งขึ้นใหม่อยู่ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย  อาจจะเป็นบุกรุกป่าหรือไม่ ซึ่งนายศรีสุวรรณ จะเดินทางเข้าพบนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  (ทส.) ในวันพุธที่ 13 มกราคม 2564 เพื่อสอบถามถึงกรณีที่มีการปล่อยให้มีหมู่บ้านแม่เกิบ เกิดขึ้นในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 

 ล่าสุด นายศรีสุวรรณ ออกแถลงการณ์ ชี้แจงกรณีการเข้าพบ นายวราวุธ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรณีบ้านแม่เกิบ โดยระบุว่า 

แถลงการณ์
สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
เรื่อง การเข้าพบ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯกรณีบ้านแม่เกิบ อ.อมก๋อย
...................................
          ตามที่มีผู้ใจบุญนามพิมรี่พายควักเงินส่วนตัวกว่าครึ่งล้านไปจัดกิจกรรมเปิดโลกทัศน์ใหม่ให้กับเด็กๆชนเผ่ากะเหรี่ยงโดยการติดตั้งโซล่าเชลล์เพิ่มแสวงสว่างให้พร้อมกับกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ ณ หมู่บ้านแม่เกิบ ต.นาเกียน อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ จนกลายเป็นท็อคออฟเดอะทาวน์อยู่ในขณะนี้นั้น
          แต่เนื่องจากหลายคนอาจมีข้อสงสัยว่าหมู่บ้านแม่เกิบนั้น เมื่อดูภาพถ่ายดาวเทียมย้อนหลังไปไม่เกิน 7 ปีก่อนหน้านี้พื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีบ้านเรือนผู้คนอยู่อาศัย ยังไม่มีโรงเรียนหรือศูนย์การศึกษาใดๆอยู่ทั้งสิ้น นั่นแสดงให้เห็นว่าหมู่บ้านแม่เกิบเพิ่งมีการรวมตัวกันเป็นหมู่บ้านใหม่ขึ้นมานั่นเอง
          เมื่อพิจารณาต่อไปก็จะพบว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าป่าอมก๋อย ซึ่งมีพระราชกฤษฎีกาออกมาใช้บังคับตั้งแต่ 19 ส.ค.2526 แล้ว ดังนั้นจึงเชื่อได้ว่าหมู่บ้านแม่เกิบจึงมิใช่ชุมชนท้องถิ่นดังเดิมแต่อย่างใด หากแต่น่าจะเพิ่งมีการอพยพโยกย้ายมาอยู่บริเวณดังกล่าวในระยะเวลาไม่นานตามหลักฐานภาพถ่ายทางดาวเทียม
           แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญ 2560 ม.70 ในหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐ บัญญัติไว้ชัดเจนว่า “รัฐพึงส่งเสริมและให้ความคุ้มครองชาวไทยกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ให้มีสิทธิดํารงชีวิต ในสังคมตามวัฒนธรรม ประเพณี และวิถีชีวิตดั้งเดิมตามความสมัครใจได้อย่างสงบสุข ไม่ถูกรบกวน ทั้งนี้ เท่าที่ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐ หรือสุขภาพอนามัย” ดังนั้นภาครัฐที่เกี่ยวข้องจะต้องยุติการปล่อยวางให้มีการอพยพโยกย้ายตั้งถิ่นฐานของชนเผ่าต่างๆได้อีกต่อไป หากแต่จะต้องเร่งรีบในการจัดการกำหนดพื้นที่อยู่อาศัย พื้นที่ทำกินให้กับชาวบ้านเหล่านั้นให้สอดคล้องกับแนวคิด “คนอยู่กับป่า”ให้จงได้ โดยออกพระราชกฤษฎีกากันพื้นที่ดังกล่าวออกมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า หรือเขตอุทยานแห่งชาติเสีย เพื่อที่จะได้พัฒนา และส่งเสริมวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเขาเหล่านั้นตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องมากังวลว่าถูกเจ้าหน้าที่รัฐตั้งข้อหา “บุกรุกป่า” อีกต่อไป
           ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน จึงจะเข้าพบ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันพุธที่ 13 ม.ค.64 เวลา 14.30 น. ณ กระทรวงทรัพยากรฯ ถ.พหลโยธิน ซ.7 เขตพญาไท เพื่อหาข้อยุติและผลักดันให้รัฐบาลเร่งจัดการแก้ไขปัญหาดังกล่าวเสียโดยไว เพราะเราไม่อาจปล่อยวางให้มีข้อขัดแย้งในทางกฎหมายและข้อปฏิบัติในเชิงพื้นที่อีกต่อไป

แถลงมา ณ วันที่ 12 มกราคม 2564
นายศรีสุวรรณ จรรยา
นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ