กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อเปิดจองวัคซีนโควิด-19 เป็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เตือนประชาชนอย่าหลงเชื่อการเปิดจองวัคซีนโรคโควิด-19 ชี้เป็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง
วันนี้ (27 ธันวาคม 2563) นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียลโดยโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ในเขตกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2563 ถึงบริการรับจองวัคซีนโรคติดชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิด-19 จนกลายเป็นจุดสนใจของประชาชนจำนวนมากในชั่วข้ามคืน แต่จากข้อมูล ณ ปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการรับรองวัคซีนโรคโควิด-19 แต่อย่างใด ตนจึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันมิให้เกิดความเข้าใจผิดแก่ประชาชน รวมถึงคุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับบริการที่ถูกต้องมีมาตรฐาน
โดยในวันนี้พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลที่มีการเผยแพร่ผ่านสื่อโซเชียลของสถานพยาบาลดังกล่าวแล้ว พบว่ามีการโฆษณาชักชวนให้ประชาชนจองวัคซีนโรคโควิด-19 จริง โดยระบุข้อมูลว่า โรงพยาบาล มีบริการรับจองวัคซีนโรคโควิด-19 ในราคา 4,000 บาท จำนวน 1,000 ราย หมดเขตวันที่ 31 มกราคม 2564 ทั้งที่ยังไม่มีการรับรองวัคซีนโควิด-19 จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย และอนุญาตให้สถานพยาบาลสามารถดำเนินการฉีดวัคซีน โดยกรม สบส. การโฆษณาของโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าว จึงถือว่าเป็นการกระทำผิดมาตรา 38 วรรค 1 ตามพระราชบัญญัติสถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานไม่ขออนุมัติและได้รับอนุมัติให้โฆษณา และมาตรา 38 วรรค 2 ฐานโฆษณาในลักษณะอันเป็นเท็จ โอ้อวดเกินความจริง และน่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับการประกอบกิจการสถานพยาบาล จึงมีคำสั่งให้ระงับการโฆษณาดังกล่าว ก่อนที่จะเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า การเผยแพร่โฆษณาหรือประกาศของสถานพยาบาลเพื่อประโยชน์ทางการค้าไม่ว่ากรณีใดก็ตาม จะต้องยื่นเรื่องขออนุมัติการโฆษณากับกรม สบส.หรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเสียก่อน มิฉะนั้น จะถือว่ามีความผิดตามกฎหมายสถานพยาบาล ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา และหากเป็นการโฆษณาโอ้อวดเกินจริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะระงับการโฆษณา