ข่าว

อ.เจษฎา ฉะเดือด ศบค.ตัวปั่นหัวให้ ปชช.กลัวโควิด-19 เกินเหตุ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ฉะเดือด ศบค.ตัวปั่นหัวให้ ปชช.กลัวโควิด-19 เกินเหตุ ชี้การปิดโรงเรียน รวมไปถึงการกักตัวชาวระยอง หรือประชาชนที่เดินทางกลับจาก จ.ระยอง ไร้สาระ

อ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แสดงความคิดเห็นกรณีที่หลายโรงเรียนใน จ.ระยอง ได้ทำการปิดโรงเรียน รวมไปถึงการกักตัวชาวระยอง หรือประชาชนที่เดินทางกลับจาก จ.ระยอง ชี้ไร้สาระ และ ศบค.ปั่นหัวให้ผู้คนหวาดกลัวโรคโควิด-19 เกินกว่าเหตุ  

อ่านข่าว : สื่อญี่ปุ่นทึ่ง ชื่นชมมาตรการรับมือโควิด-19 ในไทยเคสทหารอียิปต์

เฟซบุ๊กส่วนตัวของ อ.เจษฎา ได้โพสต์ข้อความระบุว่า เรื่องปิดโรงเรียนในจังหวัดระยอง รวมถึงการกักตัวคนที่มาจากจังหวัดระยอง 14 วันนั้นนับเป็นเรื่องที่ไร้สาระมาก กลัวกันจนเกินเหตุไปแล้ว และนี่แหละคือ ผลลัพธ์จากการที่ ศบค.เอาแต่หลอกปั่นหัวให้เรากลัวโรคโควิด-19 จนเกินเหตุมานานนับหลายเดือน

 

มาตรการการดูแลควบคุมและป้องกันโรคที่กระทรวงสาธารณสุขมีวางไว้ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เน้นไปที่ผู้ติดเชื้อเป็นหลัก เช่น ถ้าพบผู้ติดเชื้อที่โรงเรียนไหนก็ปิดโรงเรียนนั้น พบผู้ติดเชื้อที่โรงแรมไหนก็ปิดโรงแรมนั้น เป็นระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อทำความสะอาด รวมทั้งเฝ้าระวังว่าคนที่อยู่ในสถานที่นั้นมีใครเริ่มมีอาการคล้ายจะติดเชื้อหรือเปล่า

 

อย่าลืมว่าโรคโควิด-19 ก็เป็นเชื้อโคโรน่าไวรัสที่แพร่มากับสารคัดหลั่ง ซึ่งก็คือมาจากน้ำลายและเสมหะเป็นหลัก โดยผู้ที่มีอาการของโรคแล้วจะเป็นผู้ที่แพร่เชื้อได้ดีที่สุด ขณะที่ผู้ที่ไม่มีอาการของโรค แม้ว่าจะมีรายงานว่าแพร่เชื้อได้แต่ความสามารถในการแพร่เขื้อก็จะน้อยกว่ามาก

 

ดังนั้น กรณีของทหารอียิปต์ที่มาเดินในจังหวัดระยอง ซึ่งปรากฏภาพว่าใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา หน้ากากอนามัยก็ทำหน้าที่ของมัน คือ ลดการแพร่เชื้อออกจากผู้ติดเชื้อนั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่แล้ว โอกาสที่เชื้อจากทหารคนนั้นจะแพร่กระจายไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นไปได้น้อยมาก

 

ประเด็นสำคัญ ที่ผมพูดมาหลายทีตั้งนานแล้ว คือ โรคนี้มันเป็นโรคของการคลุกคลีกัน เราต้องมีโอกาสพูดจาใกล้ชิด ได้รับเชื้อไวรัสผ่านทางละอองน้ำลายของผู้ติดเชื้อ เป็นเวลาและปริมาณมากระดับหนึ่งที่จะทำให้ร่างกายได้รับเชื้อไปมาก จนเราก็เป็นผู้ติดเชื้อไปเองด้วย

 

ดังนั้น ถ้าถามหมอทางด้านโรคติดเชื้อตัวจริงๆ (ไม่ใช่พวกหมอที่อยู่ใน ศบค.) น่าจะพูดตรงกันว่า ไม่มีเหตุจำเป็นใดๆเลยที่จะต้องปิดโรงเรียนโดยรอบในจังหวัด ทั้งๆที่ทหารอียิปต์คนนั้นไม่เคยไป รวมถึงไม่จำเป็นจะต้องกักกันตัวคนที่มาจากจังหวัดระยองด้วย

 

พูดง่ายๆ คือ เราควรจะมุ่งไปที่ตัวผู้ติดเชื้อโดยตรงเท่านั้น ไม่ใช่กังวลและกลัวกันไปหมด จนประเทศไทยไม่ต้องทำอะไรกินกันแล้ว (ตอนนี้หลายคนก็ตกงานกันจนแทบจะไม่ค่อยมีอะไรกินอยู่แล้วด้วย)

ทั้งหมดของความมั่วนี้สาเหตุก็มาจากการที่ ศบค. และเครือข่ายสื่อโซเชียลไปสร้างความน่ากลัวให้กับโรคโควิดจนเกินเหตุ เอาแต่มุมภาพลบ-ไอซียู-ความตาย ที่น่ากลัวมาขู่ประชาชนทุกวัน ซึ่งจริงๆแล้วเคสที่น่ากลัวขนาดนั้น มันมีปริมาณน้อยมากๆๆๆ เมื่อเทียบกับเคสของคนที่ติดโรคแล้วก็รักษาหายได้ ยังกับเป็นผีร้ายเป็นไวรัสร้ายที่เราแค่หายใจเอาลมหายใจคนที่ติดเชื้อเข้าไปแล้วต้องตายไปด้วยซึ่งไม่จริงเลย

 

ข้อเสนอผมที่มีโดยตรงต่อ ประยุทธ์และรัฐบาล คือเปลี่ยนคณะที่ปรึกษาทางสาธารณสุขและความมั่นคงชุดเก่า ออกไปได้แล้วครับ เอากลุ่มอาจารย์หมอที่เชี่ยวชาญเรื่อง "ระบาดวิทยา" มาดูแลแทน โดยไม่เอาคนทางด้านสภาความมั่นคงเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

 

รับรองได้ว่านโยบายเรื่องโรคโควิดจะเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือเลย เพราะแทบไม่มีใครในโลกนี้ที่หวังจะเอาชนะโรคไวรัสนี้ กดจำนวนผู้ติดเชื้อให้เป็น 0 ไปจนกระทั่งวัคซีนจะมาหรอก เขามีแต่หาทางอยู่ร่วมกับเชื้อโรคนี้ในระดับที่ระบบสาธารณสุขของประเทศเขารับไหว เพื่อให้เศรษฐกิจและสังคม รวมถึงการศึกษาเดินหน้าต่อไปได้

 

 

 

 

 

CR เฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ