
มาเรียนรู้ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด หลังคร่าชีวิต "นาธาน โอมาน" อดีตศิลปินชื่อดัง
" นาธาน โอมาน " อดีตศิลปินชื่อดังได้เสียชีวิต ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด อธิบายสาเหตุและวิธีรับมือ
ถือเป็นเรื่อง ช็อกวงการหลัง " นาธาน โอมาน " อดีตศิลปินชื่อดังได้เสียชีวิตแล้วในวัย 45 ปี เมื่อเวลาประมาณ 09.35 น. ที่โรงพยาบาลสมุทรสาค หลังเข้ารับการรักษาจากอาการป่วยด้วยโรคโลหิตจาง ด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด
อ่านข่าว ด่วน " นาธาน โอมาน " อดีต นักร้อง นักแสดง เสียชีวิตแล้ว
อ่าน่ขาว เพื่อนสนิทโพสต์ อาลัยถึง นาธาน โอมาน หลับให้สบายนะน้อง
ทางคมชัดลึกออนไลน์ได้รวบรวมข้อมูล จากเว็บโรงพยาบาลพญาไท ได้อธิบายสาเหตุและวิธีรับมือกับ ติดเชื้อในกระแสเลือด
“ติดเชื้อในกระแสเลือด” คืออะไร
คุณหมอสุพิชชา อธิบายว่าการติดเชื้อในกระแสเลือด หมายถึง การที่ร่างกายเกิดการติดเชื้อขึ้นที่ส่วนใดส่วนหนึ่ง เช่น ปอด ในช่องท้อง ผิวหนัง และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องหรือภูมิคุ้มกันไม่ดี เชื้อก็จะลุกลามเข้าสู่เส้นเลือด ไหลเวียนอยู่ในเลือดของเรา พบว่า 80% เป็นเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนั้นเป็นเชื้อไวรัสและเชื้อรา
โรคนี้น่ากลัว เพราะอันตรายถึงชีวิต
เนื่องจากเลือดของเราไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะทั่วร่างกาย ทำให้เชื้อสามารถเกิดการอักเสบติดเชื้อที่อวัยวะส่วนต่างๆ ได้ หากไม่ได้รับการรักษาและมีความรุนแรงมาก คุณหมอสุพิชชา บอกว่า อาจส่งผลให้ช็อคและการทำงานของอวัยวะต่างๆ ล้มเหลว เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
อาการแบบนี้ รีบพบแพทย์
เมื่อร่างกายติดเชื้อและเชื้อลุกลามเข้าสู่กระแสเลือด จะมีอาการดังนี้
มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส หรืออุณหภูมิร่างกายต่ำกว่า 36 องศาเซลเซียส
ชีพจรเต้นเร็ว หายใจเร็ว
ถ้าเข้ารับการเจาะเลือด ค่าเม็ดเลือดขาวจะสูงกว่า 12,000 ตัวต่อมิลลิลิตร หรือน้อยกว่า 4,000 ตัวต่อมิลลิลิตร
ใครบ้าง เสี่ยง “ติดเชื้อในกระแสเลือด”
คุณหมอสุพิชชา บอกว่าคนที่เสี่ยงคือคนที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ดังนี้
- ผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่ได้รับเคมีบำบัด
- ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ที่ควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี เป็นโรคตับแข็ง
- เด็กเล็กมากๆ และผู้สูงวัย
ดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด เพราะโอกาสเสียชีวิตสูง
ในการวินิจฉัย แพทย์จะพิจารณาจากอาการ การซักประวัติ การเจาะเลือดตรวจอวัยวะที่คาดว่ามีการติดเชื้อ โดยการเพาะเชื้อ ส่วนการรักษานั้นแบ่งเป็น 3 ส่วน ดังนี้
กำจัดแหล่งติดเชื้อ เช่น หากมีฝี ต้องกำจัดฝีออก หรือมีน้ำในปอดต้องทำการรักษาระบายน้ำออกจากปอด
การให้ยาฆ่าเชื้อ แพทย์จะเลือกยาที่มีความครอบคลุมเชื้อ
รักษาแบบประคับประคอง ตรวจเลือดเพื่อดูว่ามีอวัยวะส่วนใดล้มเหลวหรือไม่
ขอบคุณข้อมูล เว็บโรงพยาบาลพญาไท